หลาย ๆ ท่านมักไม่ชอบไขมันที่เกาะอยู่ตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้ต้นแขน ต้นขาใหญ่ ไม่ได้สัดส่วนตามที่ต้องการ แต่ทุกท่านทราบหรือไม่ว่าไขมันที่เกาะอยู่ตามบริเวณร่างกายนั้นหากเราดูแลร่างกายเป็นอย่างดี ไขมันเหล่านี้ก็มีข้อดีอยู่เช่นกัน…
ดังนั้นวันนี้ทางเราจะมาแชร์เรื่องไขมันในร่างกายแบ่งออกเป็นกี่ประเภท! แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร? มีไขมันแล้วดีอย่างไร… อ่านได้ในบทความด้านล่างนี้กันเลยค่ะ
เลือกหัวข้อที่สนใจอ่านตามด้านล่าง
ในร่างกายของเราจะมีเซลล์ไขมันแบ่งออกได้เป็น 3 สี คือ สีขาว,สีเบจ และสีน้ำตาล ซึ่งไขมันแต่ละสีก็จะมีความแตกต่างกันดังนี้
ไขมันสีขาว (White Fat)
เป็นเซลล์ไขมันที่เกาะอยู่ตามสะโพก รอบเอว,หน้าท้อง,ต้นขา,ต้นแขน และอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งไขมันสีขาวจะทำหน้าที่สะสมไขมันในร่างกาย กักเก็บพลังงานสะสมเอาไว้ และนำไปใช้เมื่อร่างกายได้รับพลังงานไม่เพียงพอต่อความต้องการ
โดยไขมันสีขาวยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง
เป็นไขมันที่พบได้ในชั้นใต้ผิวหนัง เกาะอยู่บริเวณอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น สะโพก,ต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง เป็นไขมันที่เราจับขึ้นมาแล้วจะเป็นก้อนตามผิวหนัง หรือที่เรียกว่า “เซลลูไลท์”
ไขมันในช่องท้อง
เป็นไขมันที่อยู่ลึกกว่าชั้นใต้ผิวหนัง ไม่สามารถเผาผลาญออกได้หมดในแต่ละวัน จึงทำให้ไขมันเข้าไปสะสมแทรกซึมเข้าไปในอวัยวะต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก และสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้เกิดก้อนไขมันแข็งตัว และดันตัวขึ้นมาทำให้เห็นท้องป่องขึ้นได้อย่างชัดเจน ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิต และโรคหัวใจ เป็นต้น
ไขมันสีเบจ (Beige Fat)
เป็นเซลล์ไขมันที่ผสมอยู่ในเซลล์ไขมันสีขาว และเซลล์ไขมันสีน้ำตาล ซึ่งจะมีไมโตคอนเดรียจำนวนมาก ทำให้ลักษณะเด่นในการทำงานจะคล้ายคลึงกับเซลล์ไขมันสีน้ำตาล ที่จะช่วยในการเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้มากยิ่งขึ้น
ไขมันสีน้ำตาล (Brown Fat)
เป็นเซลล์ไขมันที่มีไมโตคอนเดรียอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำหน้าที่ในการเผาผลาญพลังงาน ทำให้เกิดความร้อน ซึ่งมีมากในเด็กแรกเกิด เพื่อคงอุณหภูมิในร่างกายให้รู้สึกอบอุ่นจากอากาศที่หนาวเย็น และจะลดลงเมื่อร่างกายเจริญเติบโตขึ้น
ดังนั้นไขมันสีน้ำตาลจึงเป็นไขมันชนิดดีที่คอยรักษาสมดุลให้กับร่างกายให้รู้สึกอบอุ่น คนที่มีปริมาณไขมันสีน้ำตาลจำนวนมากจะสามารถเผาผลาญพลังงาน และทนความหนาวเย็นได้นานกว่า
อยากเพิ่มไขมันสีน้ำตาลต้องทำอย่างไร ?
การรับประทานอาหาร : สามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ไขมันสีน้ำตาลได้ เช่น เพิ่มการรับประทานชาเขียว, พริกไทย, พริกขี้หนู, พริกชี้ฟ้า และกระเทียม เนื่องจากมีสารแคปไซซิน ที่จะช่วยในเรื่องการเผาผลาญพลังงานได้ดี
เพิ่มการออกกำลังกาย : การออกกำลังกายหนักสลับกับเบา จะทำให้โปรตีนไอริซิน เปลี่ยนจากไขมันสีขาวเป็นไขมันสีน้ำตาลได้
ปรับอุณหภูมิร่างกายให้เย็นลง : หากมีการปรับอุณหภูมิร่างกายให้อยู่ในสภาพที่เย็นลง จะทำให้เซลล์ไขมันสีน้ำตาลเกิดการเผาผลาญพลังงานได้ดียิ่งขึ้น
ความแตกต่างระหว่างไขมันสีขาว และสีน้ำตาล ?
ไขมันสีขาว |
|
ไขมันสีน้ำตาล |
|