top of page

Mesofat VS Botox ต่างกันอย่างไร? แบบไหนช่วยให้หน้าเรียวกว่ากัน!

Updated: Mar 21


Mesofat VS Botox ต่างกันอย่างไร? แบบไหนช่วยให้หน้าเรียวกว่ากัน!

หลาย ๆ ท่าน ที่มีแก้มเยอะ กรามใหญ่ เหนียงย้อย แต่อยากมีรูปหน้าเรียวขึ้นคงกำลังลังเลอยู่ใช่ไหมว่าระหว่าง Meso fat กับ Botox ควรเลือกฉีดอันไหนดี สองตัวนี้ทำงานต่างกันยังไง อันไหนปลอดภัยมากกว่ากัน! 

วันนี้ Inno…จะมาคลายข้อสงสัยให้ทุกท่าน ว่าใบหน้าของคุณเหมาะกับแบบไหนมากกว่ากันจะได้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด แถมยังไม่ต้องเสียเวลาผ่าตัดพักฟื้นอีก ไปดูพร้อมกันในบทความด้านล่างนี้กันค่ะ


เลือกหัวข้อที่สนใจอ่านตามด้านล่าง



 

ทำความรู้จักกับ Meso Fat และ Botox 


Meso Fat

เมโสแฟต (Meso Fat) เป็นหนึ่งในวิธีสลายไขมันในร่างกาย โดยเป็นการฉีดตัวยาที่มีฤทธิ์สลายไขมันเข้าไปในผิวชั้นไขมันเพื่อลด และสลายไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด โดยการฉีดเมโสแฟตจะใช้กลุ่มยาหลาย ๆ ตัว เช่น Phosphatidylcholine, Deoxycholate, L-carnitine, Vitamin B complex, Amino acids, Minerals ฯลฯ ซึ่งหลังฉีดเมโสแฟตไประยะหนึ่ง จะเห็นได้ว่าบริเวณที่ฉีดเมโสแฟตจะค่อย ๆ ยุบลง ชั้นไขมันดูลดลง สัดส่วนเล็กลงนั่นเอง


 


Botox

Botox 

โบท็อกซ์ คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ ( Botulinum toxin type A) ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) โบท็อกซ์ถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neuro toxin) มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว และช่วยลดริ้วรอยได้


 

ปัญหาบนใบหน้าที่พบบ่อย ?

  • กรามใหญ่ : อาจจากการที่มีกล้ามเนื้อบริเวณกรามเยอะ หรือบางคนมีกระดูกกรามใหญ่จึงทำให้โครงหน้าดูใหญ่ตามไปด้วย

  • แก้มเยอะ : บางคนมีแก้มเยอะอาจรู้สึกไม่มั่นใจ ถ่ายรูปออกมาแล้วดูหน้าบวม อ้วน และเมื่ออายุมากขึ้น แก้มก็เริ่มหย่อนคล้อยอีกด้วย 

  • คางสองชั้น : อาจเกิดจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีไขมันสะสมอยู่บริเวณใต้คาง แม้จะลดน้ำหนักแล้วแต่คางสองชั้น หรือเหนียงไม่ได้ลดตามไปด้วย

  • ริ้วรอย : เมื่ออายุมากขึ้นเริ่มมีริ้วรอยตามมา จึงทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ


 

ใครควรฉีด Meso fat ?

การฉีดเมโสแฟต เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมอยู่บริเวณใบหน้าเยอะ เช่น แก้มเยอะ คางสองชั้น เป็นต้น ซึ่งตัวยาเมโสแฟตจะไปช่วยสลายไขมัน ทำให้ปริมาณไขมันลดลงได้ถึง 10-15% ในครั้งแรก จึงทำให้เหนียง และแก้มยุบลงได้ แต่ทั้งนี้ผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองด้วย เพราะหากกินอาหารที่มีไขมัน หรือของหวานเยอะ และไม่ออกกำลังกายร่วมด้วย ไขมันก็จะกลับมาสะสมได้ใหม่อีกครั้ง


ฺBefore & After


 

ใครควรฉีด Botox ?

การฉีดโบท็อกซ์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย หรือมีขนาดกรามใหญ่ที่เกิดจากกล้ามเนื้อบนใบหน้า โดยการฉีดให้กล้ามเนื้อบริเวณที่มีริ้วรอยจะช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ระหว่างคิ้ว หางตา เป็นต้น ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์จะช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนคอ หรือบริเวณกรอบหน้า และใต้คางคลายตัวชั่วคราวทำให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น ช่วยลิฟกรอบหน้า ใบหน้าจึงดูเรียว และหากฉีดบริเวณกล้ามเนื้อส่วนกราม ก็จะทำให้ขนาดของกล้ามเนื้อค่อย ๆ เล็กลงจึงลดขนาดของกรามได้


 

Meso Fat กับ Botox ฉีดพร้อมกันได้ไหม ?

ส่วนใหญ่การฉีดโบท็อกซ์มักทำร่วมกับการฉีดเมโสแฟต ซึ่งเมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปมัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลง และเมื่อฉีดเมโสแฟตร่วมด้วย ทำให้ตัวยาเข้าไปสลายไขมันพร้อมยกกระชับไปในตัว ยิ่งช่วยให้ใบหน้าเรียว และเล็กลงยิ่งขึ้น


 

Meso fat และ Botox  อยู่ได้นานกี่เดือน ?

Meso fat ผลลัพธ์ของการฉีดแฟตจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน อาหารที่รับประทาน การพักผ่อน ของแต่ละบุคคล แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 2 – 3 เดือน

Botox ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์ลดกราม อยู่ได้ 5-6 เดือน และโบท็อกซ์ลดริ้วรอย อยู่ได้ 3-4 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคลด้วย


 

Meso Fat กับ Botox ปลอดภัยไหม ?

เมโสแฟต และ โบท็อกซ์ เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เพราะตัวยาทั้งสองชนิดสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง แต่ไม่ควรฉีดบ่อยเกินไป เพราะอาจจะทำให้ดื้อยาได้ และไม่เห็นผลลัพธ์ได้ตามต้องการ


 

สรุป Meso fat VS Botox ต่างกันอย่างไร ?

โบท็อกซ์ (Botox)

เมโสแฟต (Meso Fat)

ใช้ฉีดให้กล้ามเนื้อคลายตัว เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ และยกกระชับ

ใช้ฉีดสลายไขมัน เพื่อลดไขมันส่วนเกิน

ช่วยปรับรูปหน้าให้กระชับ 

ใบหน้าสวยเข้ารูปมากยิ่งขึ้น


ช่วยสลายไขมันเฉพาะจุด เช่น บริเวณใต้คาง หรือแก้ม ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น

สามารถฉีดพร้อมเมโสแฟตได้

สามารถฉีดพร้อมโบท็อกซ์ได้

ตัวยาสลายได้เองตามธรรมชาติไม่ทิ้งสารตกค้าง มีความปลอดภัย

ตัวยาสลายได้เองตามธรรมชาติไม่ทิ้งสารตกค้าง มีความปลอดภัย

เห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ และอยู่ได้นาน 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และบริเวณที่ฉีด

เห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ และอยู่ได้นาน 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณ และการดูแลตัวเองหลังฉีด

นิยมฉีดลดกราม ลิฟกรอบหน้า ลดริ้วรอย และลดเหงื่อ

นิยมฉีดเพื่อลดแก้ม หรือลดเหนียงบนใบหน้า


 

bottom of page