top of page

ว่าด้วยเรื่อง...เซลลูไลท์ (Cellulite) จะหุ่นไซส์ไหนก็ต้องเจอ

Updated: Dec 26, 2022


เซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้ม คือ เซลล์ก้อนไขมันที่มีขนาดใหญ่ อยู่ใต้ผิวหนังที่อัดกันอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งจะนูนขึ้นมาบริเวณผิวหนัง เห็นเป็นผิวตะปุ่มตะป่ำ โดยมากมักพบเซลลูไลท์บริเวณต้นขา สะโพกหรือหน้าท้อง หากมีเซลลูไลท์ผิวบริเวณดังกล่าวจะมีลักษณะเหมือนผิวส้ม โดยเซลลูไลท์จะพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และพบได้ทั้งในคนผอมและคนอ้วน

ตามปกติเซลล์ไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังจะถูกประคองด้วยเซลล์ร่างแหบางๆ (คล้ายตาข่าย) ที่เรียกว่า “เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน” ทำหน้าที่ยึดระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ กั้นกลุ่มไขมันไว้เป็นช่องๆ แต่เมื่อเกิดเซลลูไลท์ เซลล์ไขมันในช่องพวกนี้จะขยายขึ้น ในขณะที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันไม่ขยายตาม ทำให้เบียดทั้งทางเดินน้ำเหลืองและระบบหมุนเวียนหลอดเลือดเล็กๆ ใต้ผิวหนัง จนการไหลเวียนของระบบเลือดบริเวณนั้นลดประสิทธิภาพลง เกิดการคั่งของน้ำเหลืองเป็นพังผืดดึงผิวด้านบนให้ย่นลงมาเป็นรอยบุ๋มเป็นช่วงๆ จึงเป็นที่มาของการเรียกเซลลูไลท์ว่า “ผิวเปลือกส้ม”



ในร่างกายคนเรามีเนื้อเยื่อไขมัน (adipose tissue) ที่ประกอบไปด้วยเซลล์ไขมัน (adipocytes) เป็น จำนวนมาก ทำหน้าที่หลักในการสะสมไขมันในรูปของ ไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides) เพื่อใช้เป็นพลังงานในการดำรงชีวิต ปัจจุบันเราสามารถจำแนกเซลล์ไขมันออกเป็น 3 ชนิดด้วยกัน ประกอบไปด้วย

1.เซลล์ไขมันสีขาว (white adipocytes)

เซลล์ไขมันสีขาวเป็นไขมันที่พบมากที่สุดในร่างกาย มีลักษณะเป็นทรงกลม พบนิวเคลียส อยู่แนวเส้นรอบวงในแต่ละเซลล์ ภายในมีหยดไขมัน (lipid droplet) ขนาดใหญ่ มีไมโตคอนเดรียจำนวนน้อย หากมองด้วยตาจะพบว่ามีสีเหลือง หน้าที่ของไขมันชนิดนี้คือ ทำหน้าที่เป็นแหล่งสะสมพลังงาน จากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในรูปของไตรกลีเซอไรด์


2.เซลล์ไขมันสีน้ำตาล (brown adipocytes)

เราสามารถพบเซลล์ชนิดนี้จำนวนมากในเด็กแรกเกิด และมีจำนวนที่ลดลงเมื่อร่างกายเจริญเติบโตขึ้นร่วมกับการสะสมของเซลล์ไขมันสีขาวมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในทารกแรกเกิดมี ระบบการควบคุมอุณหภูมิร่างกายที่พัฒนาไม่เต็มที่ เซลล์ไขมันสีน้ำตาลนี้ทำหน้าที่สร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย (thermogenesis) ลักษณะที่ สังเกตได้ของเซลล์ไขมันชนิดนี้คือ ภายในเซลล์ จะมีหยดไขมันขนาดเล็กจำนวนมาก (multilocular lipid droplets) และมีไมโตคอนเดรียจำนวนมาก จะเห็นเป็นสีแดงเข้มหรือสีน้ำตาล โดยไมโตคอนเดรียนี้เปรียบเสมือนแหล่งสร้างพลังงาน เพราะฉะนั้นการมีเซลล์ไขมันสีน้ำตาลจำนวนมากจะช่วย ให้ร่างกายสลายไขมันที่สะสมไว้และเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ดียิ่งขึ้น


3.เซลล์ไขมันสีเบจ (beige adipocytes)

เป็นเซลล์ไขมันชนิดใหม่ในร่างกาย และพบว่าเซลล์ไขมันชนิดใหม่นี้มีการพัฒนา มาจากเซลล์ไขมันสีขาว โดยจะมีไมโตคอนเดรียจำนวนมากขึ้น จึงทำให้ลักษณะการทำงานของเซลล์ ไขมันชนิดนี้คล้ายคลึงกับเซลล์ไขมันสีน้ำตาล ดังนั้นการกระตุ้นให้มีจำนวนเซลล์ไขมันสีน้ำตาล หรือเซลล์ไขมันสีเบจมากขึ้น ช่วยให้มีการเผาผลาญพลังงานที่ดี



เซลลูไลท์แบ่งได้ 4 ประเภท

1. Hard Cellulite: พบได้บ่อยในผู้หญิงที่อายุน้อที่เป็นวัยรุ่นและมีการออกกำลังกายเป็นประจำ จะมองเห็นผิวแน่น เฟริมแต่เมื่อเอานิ้วบีบจะรู้สึกก้อนไขมันอยู่ลึก เป็นก้อนแข็งเล็กๆ โดยส่วนใหญ่พบบ่อยบริเวณสะโพก และบั้นท้าย


2.Flaccid Cellulite: พบได้ในผู้หญิงอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย มีลักษณะเป็นก้อนไขมันนุ่มๆ มีการสั่นเมื่อเคลื่อนไหว จะสังเกตเห็นดูหย่อนคล้อย พบบ่อยบริเวณท้องแขน คาง รอบเอว และหน้าท้อง


3.Edematous Cellulite: เกิดจากการไหลเวียนโลหิตไม่ดี มีการคั่งของน้ำเหลือง ทำให้ลักษณะเหมือนบวมน้ำ กดแล้วบุ๋ม พบบ่อยที่ต้นขา สะโพก พบว่าผิวหนังดูบอบบางเห็นเส้นเลือดและบวม


4.Mixed Cellulite: พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งในหนึ่งคนอาจพบเซลลูไลท์ทุกรูปแบบ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย



InnoSisskin ทางเลือกสำหรับการลดเซลลูไลท์ ครอบคลุมทุกปัจจัย

ลดเซลลูไลท์อย่างตรงจุด ด้วยสารสกัดพืชธรรมชาติ 6 ชนิด ที่อัดแน่นพร้อมแก้ปัญหาพร้อมมอบผลลัพธ์อันน่ามหัศจรรย์

bottom of page