ปัจจุบันนี้ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการร้อยไหมจมูก และการเสริมจมูกเป็นที่นิยมกันมาอย่างยาวนานมาก ซึ่งหัตถการทั้ง 2 แบบ ช่วยปรับรูปทรงจมูกให้สวยงามเหมือนกัน แต่การร้อยไหมและการเสริมจมูกก็มีความแตกต่างกันอยู่ มีทั้งข้อดี-ข้อเสีย ข้อควรระวังในการทำแต่ละหัตถการ อีกทั้งมีการเตรียมตัวก่อนทำ และการดูแลตนเองหลังทำหัตถการอีกด้วย ซึ่งรายละเอียดได้รวบรวมไว้ในบทความนี้แล้ว
ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังลังเลว่าจะใช้หัตถการแบบไหนดีนั้น เราจะพาคุณมาหาคำตอบผ่านบทความด้านล่างนี้กันค่ะ
เลือกหัวข้อที่สนใจอ่านตามด้านล่าง
การเสริมความงามในรูปแบบที่ไม่ต้องผ่านการผ่าตัด เป็นการใช้เส้นไหมที่ผลิตโดยวัสดุที่สามารถย่อยสลายหมดได้เองภายใต้ผิวหนังของเราอย่างเช่น ไหม Polydioxanone (PDO), ไหม Poly L Lactic acid (PLLA) และ ไหม Polycaprolactone (PCL) เป็นต้น ซึ่งเส้นไหมเหล่านี้จะทำหน้าที่ในการค้ำจุนโครงสร้างของจมูกให้มีความโด่งเป็นสันคมมากขึ้น และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยที่ตัวเส้นไหมจะอยู่ได้นานตั้งแต่ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ผลิตไหมนั้น ๆ เมื่อเส้นไหมสลายหมดก็จะยังคงความโด่งของจมูกด้วยคอลลาเจนที่ถูกสร้างจากการกระตุ้นของเส้นไหม ทำให้จมูกดูมีความเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน
2. การเตรียมตัวก่อนการร้อยไหมจมูก
2.1. เตรียมร่างกายให้สุขภาพแข็งแรง
2.2. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
2.3. งดการทำหัตถการอย่างอื่นบนใบหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนวันร้อยไหม เพราะอาจเกิดผลต่อบริเวณที่จะรับการทำหัตถการร้อยไหมจมูก
2.4. งดรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Ibuprofen,น้ำมันตับปลา, Vitamin B, Vitamin E, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น เนื่องจากยากลุ่มนี้จะส่งผลให้เลือดแข็งตัวช้า ผู้ป่วยเกิดอาการเลือดออกเพิ่มมากขึ้น การหยุดยาจะช่วยลดโอกาสการเสียเลือดระหว่างผ่าตัดได้
3. การดูแลหลังการร้อยไหมจมูก
3.1. งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจทำให้แผลผ่าตัดหายช้าและอาจเกิดเป็นคีลอยด์ขึ้นมาได้
3.2. งดการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารทะเล เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
3.3. ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมได้
3.4. งดการสัมผัส แกะ เกา บริเวณที่ทำหัตถการเพื่อลดการเกิดการอักเสบ หรือแผลเปิดได้
3.5. งดการโดนน้ำหลังทำหัตถการ 4-6 ชั่วโมง
4. ข้อดีและข้อเสียของการร้อยไหมจมูก
ข้อดี | ข้อเสีย |
1. ใช้เวลาไม่นานในการทำหัตถการ | 1. อาจมีอาการช้ำและบวมแดงหลังทำ สามารถหายได้เอง |
2. เห็นผลลัพธ์ได้ทันที และจะเห็นผลได้ดีที่สุดเมื่อไหมเซ็ตตัว | 2. อายุของวัสดุสั้นกว่าการเสริมจมูก |
3. ราคาไม่แพง | 3. กรณีที่มีเนื้อจมูกเยอะอาจต้องใช้ไหมหลายเส้น |
4. วัสดุที่ใช้ผลิตเส้นไหมสามารถสลายได้เองจนหมด | 4. หากร้อยไหมเข้าไปผิดชั้น หรือร้อยถี่เกินไป ร้อยจำนวนเส้นเยอะเกินไป อาจเกิดผลข้างเคียงอย่างเป็นพังผืดใต้ชั้นผิวได้ |
5. เวลาพักฟื้นน้อยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ | |
6. การดูแลรักษาง่าย | |
7. สามารถกลับมาร้อยใหม่ได้เรื่อย ๆ | |
8. ไม่ต้องกลัวการทะลุเหมือนกับการเสริมจมูก | |
5. ข้อควรระวังในการร้อยไหมจมูก
5.1. ไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ เนื่องจากเสี่ยงที่จะเกิดการดึงรั้งของเส้นไหมอาจทำให้เส้นไหมขาดได้
5.2. ควรนอนให้หัวอยู่สูงกว่าระดับหน้าอก เพื่อลดอาการบวมช้ำของแผลหลังร้อยไหม
5.3. ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่มีฐานจมูก เพราะการร้อยไหมจมูกไม่สามารถร้อยไหมในปริมาณมาก ๆ ได้อาจทำให้ Elastin ใต้ผิวหนังซ้อนทับกันมากเกินไป
5.4. ควรเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชนิดของไหมและคลินิกที่ได้มาตรฐาน
เป็นการผ่าตัดทางความงามที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในทางการแพทย์จะเรียกว่าการสร้างจมูกใหม่ โดยจะใช้วัสดุสังเคราะห์ หรืออวัยวะของผู้เข้ารับการรักษาเองมาใช้ในการเสริมเช่น ซิลิโคน เนื้อเยื่อเทียม หรือกระดูกซี่โครงบางส่วน เป็นต้น โดยวัสดุเหล่านี้จะนำมาเป็นโครงสร้างในการออกแบบจมูกขึ้นมาใหม่ให้เหมาะกับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาแต่ก็ต้องใช้ความสามารถในการออกแบบวัสดุอย่างซิลิโคน เพราะต้องออกแบบและปั้นรูปขึ้นมาให้เหมาะกับโครงหน้า และปริมาณเนื้อเยื่อบริเวณจมูกของบุคคลนั้น ๆ ด้วย เช่นนั้นอาจทำให้เกิดผลเสียตามมาได้ในอนาคต โดยที่การเสริมจมูกจะมีด้วยกันอยู่ 2 แบบ
6.1. เสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
เป็นการเสริมจมูกโดยการผ่าเข้าไปบริเวณใต้ฐานจมูก และกรีดตามแนวดิ่งลงมาเพื่อให้เห็นแกนจมูกทำให้สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในจมูก การเสริมจมูกแบบนี้จะสามารถแก้ปัญหาได้มากกว่าแบบปิดเช่น การตอกฐานจมูก การยืดผนังกั้นจมูก เป็นต้น
6.2. เสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
เป็นการเสริมจมูกโดยการผ่าเปิดด้านในจมูกเพียงเล็กน้อยด้านใดด้านหนึ่งเพื่อใส่วัสดุปรับรูปทรง (ซิลิโคน) เข้าจะเกิดแผลเพียงขนาดเล็ก มองไม่เห็นจากด้านนอก
7. การเตรียมตัวก่อนการเสริมจมูก
7.1. งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์
7.2. งดการรับประทานยาแก้ปวด ยาแก้กล้ามเนื้ออักเสบ ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin, Ibuprofen เป็นต้น
7.3. ก่อนการผ่าตัด 8 ชั่วโมง งดการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม
7.4. งดการแต่งหน้ามาในวันที่มีการผ่าตัด
8. การดูแลหลังการเสริมจมูก
8.1. หลีกเลี่ยงการสัมผัส แคะ แกะ เกา บริเวณจมูก เพื่อลดการอักเสบ การติดเชื้อ
8.2. ถ้ามีอาการปวด บวม สามารถรับประทานยาแก้ปวด ลดบวมได้ตามคำแนะนำของแพทย์
8.3. สามารถประคบเย็น เพื่อลดการแข็งตัวของเลือดและอาการบวมได้หลังจาก 3 วันที่ทำการผ่าตัด
8.4. หลังการผ่าตัดจมูกหลีกเลี่ยงการโดนน้ำ สามารถใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำสะอาด น้ำเกลือ หรือคลีนซิ่งทำความสะอาดบริเวณใบหน้าได้
8.5. ในช่วง 1-2 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงเพื่อให้โครงสร้างของจมูกคงที่มากที่สุด
9. ข้อดีและข้อเสียของการเสริมจมูก
ข้อดี | ข้อเสีย |
1. ผลการผ่าตัดสามารถอยู่ได้นาน | 1. ราคาค่อนข้างสูง |
2. สามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับจมูกได้มากกว่า | 2. การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดยุ่งยากกว่าร้อยไหม |
3. สามารถทำรูปทรงจมูกได้หลากหลายกว่า | 3. ต้องพักฟื้นหลังการผ่าตัดเป็นเวลานาน |
| 4. มีอาการบวมช้ำได้มาก |
| 5. การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดยุ่งยากกว่าการร้อยไหมจมูก |
| 6. มีโอกาสจมูกเบี้ยว จมูกทะลุ จมูกติดเชื้อ ซีลิโคนไหล (ขึ้นกับความชำนาญของแพทย์) |
10. ข้อควรระวังในการเสริมจมูก
10.1. หลังการผ่าตัดหรือช่วงพักฟื้น หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ควรงดไปก่อนในช่วง 1 เดือนแรก
10.2. หลังการผ่าตัดหรือช่วงพักฟื้น ห้ามสั่งน้ำมูกแรง ๆ อาจทำให้ปากแผลเปิดแล้วเกิดการอักเสบมากขึ้นได้
10.3. ห้ามนอนทับบริเวณที่มีการผ่าตัด
10.4. ควรเลือกคลีนิก หรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าใช้บริการ
10.5. ควรเลือกรูปทรงจมูกให้เหมาะสมกับใบหน้า ไม่ควรทำให้โด่งมากเกินไปเพื่อเลี่ยงซีลิโคนทะลุ