top of page

จบทุก ปัญหา “ผิวรอบดวงตา”ด้วยการดูแลรักษา อย่างตรงจุด

Updated: Sep 22, 2023


จบทุกปัญหาผิวรอบดวงตา

สารบัญ


 

โครงสร้างของเปลือกตา

เปลือกตาหรือหนังตา (Eye lid) ประกอบไปด้วยหนังตาบนและหนังตาล่าง โดยทั่วไปหนังตาบนจะขยับได้มากกว่าหนังตาล่าง เพราะนอกจากการใช้กล้ามเนื้อยกหนังตา (Levator muscle) ยังมีกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากช่วยด้วยอีก ทำหน้าที่ปกป้องดวงตาจากสิ่งแปลกปลอม ชั้นผิวหนังบริเวณหนังตาเป็นชั้นผิวที่บางมากเมื่อเทียบกับผิวหนังบริเวณอื่น


โครงสร้างของเปลือกตา

กล้ามเนื้อที่ใช้ยกเปลือกตา (Levator palpebrae superioris muscle) เป็นกล้ามเนื้อเล็กๆ ที่อยู่เหนือเบ้าตา ทำหน้าที่ควบคุมการยกเปลือกตาด้านบนขึ้นสำหรับการเปิดตาในขณะที่กล้ามเนื้อลูกตาทำงาน


กล้ามเนื้อที่ใช้ยกเปลือกตา

 
  • วุ้นตา (Vitreous) เป็นของเหลวโปร่งใสซึ่งประกอบด้วยน้ำ 99% ช่วยทำให้ลูกตาคุงรูปอยู่ได้

  • เส้นประสาทตา (Optic Nerve) ทำหน้าที่ส่งสัญญาณภาพจากตาไปยังสมอง และรับความรู้สึกที่ดวงตา

  • กระจกตา (Cornea) มีลักษณะโค้งสีใส ทำหน้าที่หักเหแสงไปยังเลนส์ตา

  • ตาขาว (Sclera) ทำหน้าที่ในการปกป้องลูกตาชั้นใน

  • ม่านตา (Iris) มีลักษณะเป็นวงแหวนอยู่ใต้กระจกตาและมีสีต่างกันไปตามกรรมพันธุ์

  • รูม่านตา (Pupil) มีสีดำอยู่ตรงกลางของม่านตา ทำหน้าที่รับแสงเข้าสู่ดวงตา

  • เลนส์ตา (Lens) ทำหน้าที่ในการหักเหแสงไปยังจอรับภาพ

  • จอรับภาพ (Retina) เปลี่ยนแสงเป็นสัญญาณส่งไปที่สมองผ่านทางเส้นประสาทตา

  • เปลือกตา (Eyelids) ทำหน้าที่ที่สำคัญในการปกป้องดวงตา จากฝุ่นละออง สิ่งแปลกปลอม

  • ขนตา (Eyelash) ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าตา

  • ต่อมน้ำตา (Tear grand) ทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื่นแก่กระจกตา


โครงสร้างของดวงตา

ริ้วรอยที่มีลักษณะเป็นเส้นขีดเล็ก ๆ อยู่บริเวณหางตา เกิดจากผิวชั้นหนังกำพร้าบางลงร่วมกับคอลลาเจนและอีลาสตินนชั้นหนังแท้ลดลง ทำให้ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิวลดลง เวลายิ้มหรือหัวเราะจะยิ่งเห็นเป็นเส้นชัดมากขึ้น

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดตีนกา

  • อายุเพิ่มมากขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น การสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินจะลดลง ทำให้ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิวลดลง ผิวจึงอ่อนแอและขาดความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอยตีนกาได้ง่าย

  • การแสดงสีหน้า

การแสดงสีหน้า เช่น การยิ้มตาหยี การขมวดคิ้ว การเพ่งมองอะไรนานๆ จะทำให้ผิวเกิดการพับ เมื่อเกิดการพับในจุดเดิมซ้ำๆ ก็จะผิวจะหดตัวและเกิดเป็นรอยลึกลงไป กลายเป็นริ้วรอย

  • แสงแดดและมลภาวะ

ในแสงแดดมีรังสี UV ที่จะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระทำร้ายเซลล์ผิว ทำให้ผิวแห้งคล้ำเสีย มลภาวะทางอากาศยิ่งเร่งให้ผิวอ่อนแอเสื่อมสภาพลงเร็วขึ้น เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ใบหน้าเกิดริ้วรอย


วิธีรักษา

1. เมโส (Mesotherapy) เหมาะสำหรับคนที่มีริ้วรอยไม่ลึกมาก เป็นการใช้สารสกัด เช่น ฮยาลูรอน, PN, PDRN เพื่อช่วยเติมเต็มและฟื้นฟูเซลล์ผิว

2. โบท็อก (Botox) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะได้ผลลัพธ์ดีทั้งริ้วรอยตื้นๆและริ้วรอยลึก ฉีดแล้วรอยตีนกาและริ้วรอยจางลงอย่างเห็นได้ชัด และยังสามารถใช้ลดริ้วรอยบริเวณอื่นๆ ได้ด้วย เช่น รอยย่นหน้าผาก ทำให้ผิวเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

3. ฟิลเลอร์ (Filler) เหมาะกับคนที่มีร่องริ้วรอยลึกๆ เกิดจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อ ไขมัน หรือกระดูก ไม่สามารถแก้ไขได้โดยใช้โบท็อกเพียงอย่างเดียว ต้องใช้ฟิลเลอร์ฉีดเสริมในผิวชั้นลึก เพื่อยกพยุงผิวให้กลับมาเต่งตึง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้มากขึ้น โดยการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ด้วย

4. เลเซอร์ (Laser) มีหลักการทำงานคือการยิงพลังงานลงบนผิวหนังหลายๆ ครั้ง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ริ้วรอยค่อยๆ จางลง ไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะจะได้ผลกับตีนกาหรือรอยย่นที่ไม่ลึกมากและต้องทำซ้ำหลายๆ ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน

5. ไฮฟู่ (Hifu) เป็นเครื่องมือยกกระชับโดยใช้คลื่นอัลตร้าซาวน์ที่มีความเข้มข้นสูง เป็นจุดขนาด 0.5-1 mm ยิงลึกลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อให้เนื้อเยื่อหดตัว ส่งผลให้ผิวชั้นบนยกกระชับขึ้นตามไปด้วย และยังสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย จึงช่วยลดริ้วรอยและตีนกาได้

6. อัลเทอร่า (Ulthera) เครื่องมือยกกระชับที่ใช้คลื่นอัลตร้าซาวน์เช่นเดียวกับไฮฟู่แต่มีขนาดจุดโฟกัสพลังงานที่ใหญ่กว่า ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า นอกจากลดริ้วรอยตีนกาแล้วยังช่วยกระชับกรอบหน้าได้ดี

7. เทอร์มาจ (Thermage) เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวด้วยพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (High Radio Frequency) ซึ่งสามารถส่งพลังงานลงลึกได้ถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน ช่วยกระชับและลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา

8. ร้อยไหมยกหางตา (Foxy eyes) เป็นการใช้ไหมเงี่ยงร้อยเข้าไปบริเวณหางตาเพื่อเกี่ยวยกผิวขึ้นไปบริเวณเหนือหางตา ช่วยให้ผิวดูเรียบตีนกาหายไป นอกจากนี้ไหมจะไปกระตุ้นเนื้อเยื่อบริเวณที่ร้อยให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินทำให้ผิวบริเวณหางตายังคงดูกระชับหลังจากไหมละลายเเล้ว

9. ผ่าตัดยกคิ้ว (Brow Lift) การผ่าตัดจะดึงชั้นผิวหนังเหนือคิ้วขึ้นเพื่อรั้งผิวบริเวณนั้นให้ยกขึ้นไป ทำให้ผิวตึง ริ้วรอยลดลง ตาดูโตขึ้น ตีนกาหายไป เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหนังตาตกหรือคิ้วตกร่วมด้วยเพราะเป็นวิธีที่ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าวิธีอื่นและการผ่าตัดอาจทำให้เกิดแผลเล็กๆ บริเวณคิ้ว


 

ใต้ตาคล้ำ

เกิดจากการรั่วซึมและมีการคั่งค้างของเลือดรอบดวงตาเนื่องจากเส้นเลือดฝอยเปราะบางลง มักเกิดหลังจากการอักเสบในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคภูมิแพ้ หรืออาจเกิดจากการสะสมของเมลานินใต้ผิวหนังมากกว่าปกติ

สาเหตุหลักที่ทำให้ใต้ตาคล้ำ

คนที่เป็นโรคภูมิแพ้มักมีอาการตาบวมขัดขวางการไหลเวียนของเลือดและเกิดการขยายตัวของหลอดเลือดดำขอบตาจึงดูคล้ำขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้โรคภูมิแพ้ยังทำให้เกิดอาการคันระคายเคืองตา และหากเกาหรือขยี้ตาบ่อยๆ จะยิ่งทำให้ผิวบริเวณใต้ตาคล้ำขึ้นไปอีก

  • พันธุกรรม

พันธุกรรมหรือเชื้อชาติก็เป็นปัจจัยหนึ่ง เพราะใต้ตาดำอาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่น หรือลักษณะตามกรรมพันธ์เป็นคนเบ้าตาลึกก็จะทำให้ใต้ตาดูดำคล้ำได้

  • พฤติกรรม

พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาบางลง เห็นเส้นเลือดดำชัดเจน จึงมองเห็นว่าขอบตาดำมากขึ้นดื่มน้ำน้อยทำให้ร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ ผิวจึงดูแห้งและไม่กระจ่างใส สังเกตเห็นรอยคล้ำได้ง่าย

การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เส้นเลือดขยายตัวขึ้น เห็นเป็นรอยดำคล้ำใต้ตาชัดขึ้น

  • แสงแดด

ผิวบริเวณใต้ตามีความบอบบางมาก การโดนแดดบ่อยๆ ทำให้ผิวใต้ตาบางลงจนทำให้มองเห็นเส้นเลือดดำใต้ตาชัดขึ้น นอกจากนี้การรับรังสี UV จากแสงแดดบ่อยๆ จะเกิดการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวใต้ตาดูคล้ำลงไปอีก

ช่วงที่มีประจำเดือนหรือช่วงที่ตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงมากจึงอาจส่งผลถึงการขยายตัวของเส้นเลือดใต้ผิวหนัง ทำให้บริเวณใต้ตาที่มีผิวบางเห็นเป็นรอยคล้ำ


วิธีรักษา

1. ปรับพฤติกรรม สำหรับคนที่ใต้ตาคล้ำเพราะนอนดึก นอนน้อย นอนไม่พอ สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เพียงแค่หยุดพฤติกรรมเหล่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ใต้ตาหายคล้ำ

2. ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา เหมาะกับคนที่ใต้ตาคล้ำไม่มาก การใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของสารให้ความขาว เช่น กรดโคจิก อาร์บูติน กลูต้าไธโอน วิตามินซี ช่วยให้รอยดำคล้ำใต้ตาจางลงได้

3. เมโส (Mesotherapy) เป็นการใช้สารสกัดให้ความขาวเช่นเดียวกันกับการใช้ครีม แต่การฉีดจะช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างล้ำลึกและรวดเร็วกว่า ใช้ได้กับทั้งคนที่ใต้ตาคล้ำเล็กน้อยถึงคนที่ใต้ตาคล้ำมาก

4. ฟิลเลอร์ (Filler) เหมาะกับคนที่มีร่องใต้ตาหรือมีความหย่อนคล้อยของผิวหนังบริเวณใต้ตาร่วมกับมีใต้ตาคล้ำ ฟิลเลอร์ จะช่วยเติมเต็มผิวให้ดูอิ่มฟูและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นทำให้ใต้ตาดูสว่างขึ้น

5. เลเซอร์ (Laser) ช่วยลดเม็ดสีและปรับสภาพผิวให้ดูสว่างขึ้นโดยการยิงพลังงานลงบนผิว ซึ่งหากใช้พลังงานหรือความถี่มากเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองส่งผลให้ใต้ตาคล้ำลงกว่าเดิมได้เพราะผิวบริเวณนี้ค่อนข้างบอบบางมาก


 

ร่องใต้ตา

ร่องใต้ตาจะเกิดเป็นร่องยาวตั้งแต่บริเวณช่วงหัวตาถึงบริเวณหน้าแก้มด้านบน เกิดจากสูญเสียชั้นไขมันใต้ผิวทำให้ชั้นไขมันบางลง หรือเกิดจากกระดูกเบ้าตายุบและผิวส่วนโหนกแก้มหย่อนคล้อยจากอายุที่มากขึ้น ทำให้เห็นเป็นร่องชัดขึ้น

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดร่องใต้ตา

  • พันธุกรรม

ลักษณะโครงหน้าตามกรรมพันธุ์มีโครงสร้างของกะดูกเบ้าตาลึก ใต้ตาจึงดูเป็นร่อง

  • อายุมากขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้นไขมันใต้ชั้นผิวเริ่มฝ่อตัวลงทั้งบริเวณใต้ตาและแก้มร่วมกับมีผิวส่วนโหนกแก้มหย่อนคล้อย ทำให้ผิวบริเวณรอบดวงตาดูลึกขึ้น เห็นเป็นร่องใต้ตา


วิธีรักษา

1. เมโส (Mesotherapy) เป็นการใช้สารสกัด เช่น ไฮยาลูรอน, PN, PDRN เพื่อช่วยเติมเต็มร่องใต้ตา ฟื้นฟูเซลล์ผิว และช่วยให้ใต้ตาดูกระจ่างใสขึ้นด้วย จึงเหมาะกับคนที่มีร่องใต้ตาร่วมกับขอบตาคล้ำ

2. ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นการใช้ไฮยาลูรอนชนิด cross link ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ผิวและช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ใช้ได้กับทั้งคนที่มีร่องตื้นและร่องลึก รวมไปถึงคนที่ร่องใต้ตาลึกจากโครงสร้างของกระดูก ผลลัพธิ์อยู่ได้นาน

3. ฉีดไขมันใต้ตา เป็นการดูดไขมันดูดออกมาจากบริเวณที่มีไขมันส่วนเกินเช่นหน้าท้องหรือต้นขา จากนั้นนำไปปั่นแยกเอาส่วนไขมันมาใช้ฉีดเติมเต็มร่องลึก วิธีนี้เหมาะกับคนกลัวแพ้สารสกัดต่างๆ เพราะการใช้ไขมันตัวเองช่วยลดความเสี่ยงการเกิดการแพ้ได้

4. ไฮฟู่ (Hifu) เป็นการใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวน์ยิงลงไปใต้ชั้นผิวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนช่วยให้ผิวบริเวณใต้ตาเต่งตึงและดูเต็มขึ้น ใช้เวลาไม่นานและไม่ทำให้เกิดแผล เหมาะกับคนที่มีปัญหาร่องตาลึกไม่มาก และไม่มีการยุบของกระดูกร่วมด้วย

5. อัลเทอร่า (Ulthera) ใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวน์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเช่นเดียวกับไฮฟู่ เหมาะกับคนที่มีปัญหาร่องตาลึกไม่มากหรือใต้ตามีความหย่อนคล้อย ในคนที่มีการยุบตัวของกระดูกด้วยอาจได้ผลลัพธ์ไม่ชัดเจน

6. ร้อยไหมเติมเต็มร่องใต้ตา เป็นการใช้ไหมเรียบเส้นเล็กๆ ร้อยเข้าไปบริเวณใต้ดวงตา ไหมจะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจน ทำให้ร่องลึกใต้ตาดูเต็มขึ้น


 

ถุงใต้ตา

ถุงใต้ตามีลักษณะเป็นถุงบวมออกมาตรงบริเวณใต้ขอบตาล่าง เกิดได้จากการคั้งค้างของเลือดและน้ำเหลืองหรือไขมันบริเวณใต้ตา ทำให้หน้าตาดูเหนื่อย ดูโทรม แบ่งย่อยได้เป็น 2 แบบคือ

  • ถุงใต้ตาเทียม

เกิดจากความผิดปกติของระบบการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง ทำให้เกิดการสะสมของน้ำและไขมันรอบดวงตา มักเกิดในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้

  • ถุงใต้ตาแท้

เกิดจากหย่อนคล้อยของผิวใต้ตาทำให้เกิดการไหลมารวมกันของไขมันบริเวณใต้ดวงตาทำให้ใต้ตาดูบวม มักเกิดในคนที่อายุเยอะเพราะกล้ามเนื้อต่างๆ เริ่มเสื่อมสภาพ

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา

  • พฤติกรรม

การอดนอน ใช้สายตามากเกินไป การขยี้ตา การร้องไห้หนักๆ การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ การรับประทานอาหารรสเค็มจัด ทำให้เกิดการบวมน้ำบริเวณใต้ตา เห็นเป็นถุงใต้ตาบวมขึ้นมาได้

คนที่เป็นโรคภูมิแพ้มักเกิดอาการบวมบริเวณใต้ตา ทำให้มีการคั่งของเลือดและน้ำเหลืองใต้ตาเกิดเป็นถุงใต้ตาเทียม นอกจากนี้ยังมักมีอาการเคืองตาร่วมด้วย หากยิ่งขยี้ตาก็จะยิ่งทำให้ถุงใต้ตาดูชัดมากขึ้น และอาจกลายเป็นถุงใต้ตาแท้ในอนาคตได้

  • อายุมากขึ้น

เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยในคนที่มีถุงใต้ตาเนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณเปลือกตาล่างเริ่มเสื่อมสภาพทำงานได้ไม่เต็มที่ร่วมกับการที่คอลลาเจนและอิลาสตินเริ่มเสื่อม ทำให้ผิวใต้ตาหย่อนคล้อยเกิดเป็นถุงไขมันใต้ตาและเกิดการไหลมารวมกันของไขมันทำให้ใต้ตาดูบวมนูนออกมาและมักจะเกิดร่วมกับร่องใต้ตาและริ้วรอยอีกด้วย

  • พันธุกรรม

ลักษณะใต้ตาเป็นถุงจากกรรมพันธุ์ ทำให้ไขมันมารวมกันบริเวณใต้ตามากเกินไปจึงเห็นเป็นถุงไขมันใต้ดวงตา


วิธีรักษา

1. ปรับพฤติกรรม สำหรับคนที่มีถุงใต้ตาเทียมที่เกิดจากพฤติกรรม เพียงแค่พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ใช้สายตามาก ไม่ขยี้ตา ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ลดการกินเค็ม ก็ช่วยให้ถุงใต้ตาก็ดูตื้นขึ้นได้

2. เทอร์มาจ (Thermage) ใช้การปล่อยคลื่นวิทยุความถี่สูง (High Radio Frequency) ในความลึกที่พอเหมาะส่งผ่านไปยังผิวหนังรอบดวงตา ทำให้เกิดการหดตัวของถุงไขมันใต้ตาและทำให้ถุงไขมันเล็กลง ผิวใต้ตาจึงดูเรียบเนียนขึ้น และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังทำให้เกิดความกระชับอีกด้วย

3. ผ่าตัดถุงไขมันใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตาแท้และเก็บผิวหนังส่วนเกินออก เหมาะกับคนที่มีถุงไขมันใต้ตาเยอะมากๆ หรือถ้าผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อยก็สามารถตัดเก็บหนังส่วนเกินออกไปด้วยได้ หลังตัดถุงไขมันออกไปใต้ตาจะดูเรียบเนียนขึ้นอย่างชัดเจน

4. ดูดไขมันใต้ตา เป็นการดูดไขมันออกทางเปลือกตาล่างด้านใน ทำให้ไม่เห็นแผลบริเวณด้านนอกเลย เห็นผลหลังทำทันที เหมาะสำหรับคนที่ผิวหนังใต้ตาไม่ได้หย่อนคล้อยมาก และไม่เหมาะกับคนที่มีเคยฉีด filler มาก่อน

5.การฉีดสารเติมเต็ม เช่น เมโสหรือฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับคนที่มีถุงใต้ตาเพียงเล็กน้อย เพราะการฉีดสารเติมเต็มเพิ่มเข้าไปในคนที่มีถุงใต้ตาเยอะอาจทำให้ถุงใต้ตาดูใหญ่กว่าเดิม


 

หนังตาตก

คือลักษณะที่เปลือกตาบนตกลงมาต่ำกว่าปกติซึ่งถ้าตกลงมาปิดรูม่านตาอาจทำให้รู้สึกลืมตาไม่ค่อยได้ รู้สึกหนักตา และอาจทำให้การมองเห็นแย่ลงได้ ภาวะหนังตาตกแยกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

  • ผิวหนังที่เปลือกตาหย่อน (Dermatochalasis) เกิดจากผิวหนังที่เปลือกตาบนหรือหน้าผากมีอาการยืดหย่อนลงมาบังลูกตา และอาจพบเนื้อเยื่อไขมันของเบ้าตาแทรกออกมา ทำให้เปลือกตาดูอูมขึ้นได้ มักเกิดจากความเสื่อมเนื้อเยื่อเกี่ยวพันตามอายุ

  • หนังตาตก (Ptosis) เกิดจากกล้ามเนื้อยกเปลือกตา ทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากกล้ามเนื้อยกเปลือกตาหลุดจากตำแหน่งที่เกาะ กล้ามเนื้อมีการฉีกขาด เส้นประสาทหรือสารสื่อประสาททำงานผิดปกติ หรืออาจเกิดจากเนื้องอก ทำให้ไม่สามารถยกหนังตาได้

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหนังตาตก

  • อายุมากขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้นการยึดเกาะของกล้ามเนื้อตาจะเสื่อมลงและกล้ามเนื้ออาจยืดหย่อนมากกว่าปกติทำให้เปลือกตาดูตกลงมา

  • พันธุกรรม

หนังตาตกตั้งแต่กำเนิดจากการที่กล้ามเนื้อหนังตาผิดปกติ และอาจทำให้เกิดโรคตาขี้เกียจตามมาได้หากไม่รีบรักษา

  • อุบัติเหตุบริเวณเปลือกตา

อุบัติเหตุที่เปลือกตาอาจทำให้กล้ามเนื้อยกเปลือกตาอาจหลุดจากตำแหน่งที่เกาะได้ หรืออาจมีการฉีกขาดของเอ็นหรือกล้ามเนื้อยกเปลือกตาได้


วิธีรักษา

1. ร้อยไหมยกหางตา (Thread lift) เป็นการใช้ไหมเงี่ยงร้อยเข้าไปบริเวณหางตาเพื่อเกี่ยวยกเปลือกตาขึ้นไปบริเวณเหนือหางตา ทำเปลือกตาดูสูงขึ้น

2. ผ่าตัดยกคิ้ว (Brow Lift) การผ่าตัดจะดึงชั้นผิวหนังเหนือคิ้วขึ้นเพื่อรั้งผิวบริเวณนั้นให้ยกขึ้นไป ทำให้ผิวเปลือกตาถูกยกขึ้นไปด้วย วิธีนี้สามารถทำได้ในคนที่กล้ามเนื้อยกเปลือกตาอ่อนแรง เพราะเป็นการดึงผิวขึ้นไปหาคิ้วให้คิ้วช่วยยกเปลือกตา แต่การผ่าตัดอาจทำให้เกิดแผลเล็กๆ บริเวณคิ้วได้

3. ผ่าตัดทำตาสองชั้นร่วมกับตัดเก็บหนังตาส่วนเกิน เหมาะกับคนที่ต้องการทำตาสองชั้นอยู่แล้วด้วย การผ่าตัดบริเวณเปลือกตาบนและไขมันส่วนเกินตรงเปลือกตาออกจะช่วยให้ชั้นตาชัดเจนขึ้น

 

สรุปปัญหารอบดวงตาและวิธีแก้ไข

​ลักษณะ

สาเหตุ

​ปัจจัยกระตุ้น

วิธีรักษา

 

กลุ่มฉีด

วิธีรักษา

 

เครื่องมือ



วิธีรักษา

 

ร้อยไหม

วิธีรักษา

 

ผ่าตัด

วิธีรักษา

 

อื่นๆ

ตีนกา

ตีนกา

เกิดจากผิวชั้นหนังกำพร้าบางลง หรืออาจเกิดจากคอลลาเจน อีลาสตินในชั้นหนังแท้ลดลง ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิวลดลง

อายุมากขึ้น

แสงแดด

แสดงออกทางสีหน้ามาก

Mesotherapy

Filler

Botox

Laser

Ulthera

Thermage

Hifu

ร้อยไหมยกหางตา

ผ่าตัดยกคิ้ว

ใต้ตาคล้ำ

ใต้ตาคล้ำ

​เกิดจากการรั่วซึมและมีการคั่งค้างของเลือดรอบดวงตาเนื่องจากเส้นเลือดฝอยเปราะบางลงมักเกิดหลังจากการอักเสบในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคภูมิแพ้ หรืออาจเกิดจากการสะสมของเมลานินใต้ผิวหนังมากกว่าปกติ

ภูมิแพ้

พันธุกรรม

พฤติกรรม เช่น พักผ่อนน้อย ดื่มน้ำน้อย

ความผิดปกติของฮโรคอร์โมน เช่น ช่วงที่มีประจำเดือน หรือช่วงตั้งครรภ์

​Mesotherapy

Filler

Laser

ปรับพฤติกรรม

ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา

ร่องใต้ตา

ร่องใต้ตา

เกิดจากสูญเสียชั้นไขมันใต้ผิวทำให้ชั้นไขมันบางลง หรือเกิดจากกระดูกเบ้าตายุบและผิวส่วนโหนกแก้มหย่อนคล้อยจากอายุที่มากขึ้น ทำให้เห็นเป็นร่องชัดขึ้น

พันธุกรรม

อายุมากขึ้น


Mesotherapy

Filler

ฉีดไขมันใต้ตา

​Hifu

Ulthera

ร้อยไหมเติมเต็มร่องใต้ตา

ถุงใต้ตา

ถุงใต้ตา

ถุงใต้ตาเทียม

เกิดจากความผิดปกติของระบบการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง ทำให้เกิดการสะสมของน้ำและไขมันรอบดวงตา

 

ถุงใต้ตาแท้

เกิดจากคอลลาเจนและอิลาสตินเริ่มเสื่อม เอ็นยึดเปลือกตาและกล้ามเนื้อเปลือกตาล่างหย่อน ทำให้เกิดเป็นถุงไขมันใต้ตาและเกิดการไหลมารวมกันของน้ำและไขมัน

การอดนอน

ใช้สายตามากเกินไป

การรับประทานอาหารรสเค็มจัด

การร้องไห้โรคภูมิแพ้

 

อายุมากขึ้น

พันธุกรรม

โรคภูมิแพ้



Thermage






ผ่าตัดถุงไขมันใต้ตา

ดูดไขมันใต้ตา

ปรับพฤติกรรม

หนังตาตก

หนังตาตก

ผิวหนังที่เปลือกตาหย่อน (Dermatochalasis)

ผิวหนังที่เปลือกตาบนหรือหน้าผากมีอาการยืดหย่อนลงมาบังลูกตา และอาจพบเนื้อเยื่อไขมันของเบ้าตาแทรกออกมา ทำให้เปลือกตาดูอูมขึ้นได้

 

หนังตาตก (Ptosis)

เกิดจากกล้ามเนื้อยกเปลือกตาทำงานน้อยกว่าปกติ

กล้ามเนื้อยกเปลือกตาหลุดจากตำแหน่งที่เกาะ

กล้ามเนื้อมีการฉีกขาด

(อาจเกิดจากเส้นประสาทหรือสารสื่อประสาททำงานผิดปกติหรือเนื้องอก)

​อายุมากขึ้น

แสงแดด

ขยี้ตาบ่อย

การอักเสบของเนื้อเยื่อรอบตา

 

อายุมากขึ้น

พันธุกรรม

อุบัติเหตุบริเวณเปลือกตา

ขยี้ตาบ่อย


ร้อยไหมยกหางตา

ผ่าตัดยกคิ้ว

ผ่าตัดทำตาสองชั้นร่วมกับตัดเก็บหนังตาส่วนเกิน


 

ตาดอลลี่อาย

ดอลลี่อายคือเทคนิคในการปรับแต่งดวงตาโดยการเติมชั้นใต้ตาทำให้บริเวณขอบตาล่างดูหนาขึ้น ซึ่งบริเวณขอบตาล่างจะเป็นกล้ามเนื้อที่ทุกคนมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ แต่เมื่ออายุมากขึ้นกล้ามเนื้อตรงนี้จะบางลงหรืออาจมีถุงใต้ตาใหญ่ขึ้นมากลบ การฉีดดอลลี่อายเสริมชั้นใต้ตาจึงเป็นอีกหนึ่งการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เพราะทำให้ดวงตาดูกลมโตขึ้น ใบหน้าดูน่ารักและอ่อนเยาว์ขึ้นได้


การทำดอลลี่อาย

  • เมโส (Mesotherapy) เป็นการฉีดสารสกัดที่ช่วยเติมเต็ม เช่น ไฮยาลูรอน หรือสารที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น PN หรือ PDRN เพื่อช่วยเสริมให้ขอบตาล่างหนาขึ้น และยังช่วยลดปัญหาใต้ตาคล้ำ ร่องใต้ตา ริ้วรอยได้อีกด้วย

  • ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นการฉีดไฮยาลูรอนเข้าไปบริเวณขอบตาล่างเพื่อเสริมให้ขอบตาล่างหนาขึ้น หลังฉีดก็จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจนทันที นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ยังช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตา ริ้วรอย ร่องลึกใต้ตา ได้อีกด้วย

  • ฉีดไขมันใต้ตา เติมไขมันใต้ตาโดยการดูดไขมันจากบริเวณที่มีไขมันส่วนเกิน มาฉีดเติมบริเวณขอบตาล่างเพื่อให้ขอบตาล่างดูหนาขึ้น การฉีดไขมันตัวเองช่วยลดความเสี่ยงในการแพ้ได้ แต่อาจได้ผลน้อยกว่าการฉีดฟิลเลอร์หรือเมโส เพราะร่างกายสามารถดูดซึมไขมันที่เติมเข้าไปและนำไปใช้ได้

  • ผ่าตัด การผ่าตัดจะเปิดแผลที่แนวชิดขอบขนตาล่าง จากนั้นใช้เนื้อเยื่อของตัวคนไข้เองหรือเนื้อเยื่อเทียมมาจัดเรียงบริเวณใต้ตาให้มีวอลลุ่มที่เหมาะสม เหมาะกับคนที่ต้องการทำตาสองชั้นหรือผ่าตัดถุงใต้ตาอยู่แล้วมากกว่า เพราะเจ็บตัวมากกว่าวิธีอื่นและใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า

ข้อควรระวังในการทำดอลลี่อาย

- หลังฉีดดอลลี่อายอาจมีรอยแดงหรือรอยช้ำเล็กๆได้ เพราะผิวใต้ตาบางมาก

- หากฉีดดอลลี่อายปริมาณที่ไม่เหมาะสม จะทำให้ใต้ตาดูตุ่ยขึ้นมา หรืออาจทำให้ดวงตาดูไม่เท่ากันได้


การดูแลหลังทำดอลลี่อาย

- หลีกเลี่ยงการทาเครื่องสำอางที่ต้องใช้วิธีการเช็ดทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตา งดสครับหรือขัดถูหน้าแรงๆ

- ไม่ควรแกะ เกา หรือกดนวดบริเวณที่ฉีดดอลลี่อาย

- งดทาครีมบริเวณใต้ตา 1 วัน

- หลีกเลี่ยงความร้อนงดทำเลเซอร์หรือเข้าซาวน่าอย่างน้อย 2 สัปดาห์

- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้อาการบวมหายช้า

งดสูบบุหรี่ เพราะสารในบุหรี่มีผลลดปริมาณออกซิเจนในเลือดและยับยั้งการซ่อมแซมบาดแผล นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดทำให้อาการบวมหายช้า


 

inno glossy eyes

INNO GLOSSY EYES นวัตกรรมฟื้นฟู เติมเต็มใต้ตาหมองคล้ำ ให้กลับมาสวยสดใส เปล่งปลั่งอย่างธรรมชาติ ผสานคุณค่า 3 สารสกัดพิเศษ


กรดไฮยาลูโรนิค HYALURONIC ACID : กักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ถึง 1,000 เท่า ทำให้ผิวนุ่มนวลดูอิ่มน้ำ ลดความมันบนผิว เติมเต็มชั้นผิว ทำให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นดูจางลง ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและยืดหยุ่น


มัลติโกรท พลัส ( MG+ ) : อุดมไปด้วย Growth Factors และโปรตีนที่สำคัญยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ พร้อมกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน อิลาสตินให้แก่ผิว ส่งผลให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น


พอลินิวคลีโอไทด์ ( POLYNUCLEOTIDE : PN ) : กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยฟื้นฟูปัญหาริ้วรอยและหลุมสิว ช่วยต้านการอักเสบ เร่งการรักษาบาดแผล โดยช่วยกระตุ้นการเจริญและสะสมของ Proteoglyten และ Collagen นอกจากนี้ยังช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิล ช่วยปรับสีผิวให้สว่างขึ้น


สนใจสินค้าของ INNO GLOSSY EYES สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

ได้ที่ 061-5325495 หรือ กดเเอด Line ด้านล่างได้เลยค่ะ



59 views0 comments
bottom of page