top of page

ไขความลับ! ปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ ดูแลรักษายังไง ? ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

Updated: Sep 27, 2023


ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ

สารบัญ


 

กระบวนการสร้างเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

กระบวนการสร้างเม็ดสี (Melanogenesis)

เม็ดสีผิว (melanin pigment) ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสี UV ถูกสร้างขึ้นภายในออร์แกเนลล์ที่มีชื่อว่าเมลาโนโซมซึ่งอยู่ภายในเซลล์เมลาโนไซต์ภายในเมลาโนโซมมีเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมการสร้างเม็ดสีผิว โดยการเปลี่ยน Tyrosine เป็น DOPA และเปลี่ยน DOPA ไปเป็น Dopaquinone หลังจากนั้นจะเกิด auto-oxidation ได้เป็นเม็ดสีผิว โดยเซลล์เมลาโนไซต์จะมีส่วนรยางค์ยื่นไปสู่เซลล์เคราติโนไซต์ทำหน้าที่ขนส่งเม็ดสีผิวขึ้นมายังบริเวณผิวหนังชั้นหนังกำพร้า


เม็ดสีผิวแบ่งออกเป็น 2 ชนิด

  • Eumelanin เป็นเม็ดสีผิวที่มีสีน้ำตาลหรือดำ

  • Pheomelanin เป็นเม็ดสีผิวที่มีสีแดงอมเหลือง

เม็ดสีผิว

 

จุดด่างดำ (Hyperpigmentation)

คือลักษณะผิวหนังที่มีสีเข้มกว่าผิวบริเวณใกล้เคียง เป็นปัญหาผิวที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่ผิดปกติในการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ที่ใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้เซลล์เม็ดสีเกิดการกระจุกรวมตัวกันมากกว่าปกติในบางจุด ส่งผลให้สีผิวบริเวณนั้นมีสีเข้มขึ้นกว่าผิวบริเวณรอบๆ โดยมีสาเหตุหลายอย่าง เช่น พันธุกรรม แสงแดด หรืออาจเกิดจากสิวอักเสบหรือสิวอุดตันที่ทิ้งรอยไว้

  • ลักษณะจุดที่ด่างดำเกิดจากฝ้า จะเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อน เพิ่มระดับไปจนเข้ม เกาะกลุ่มเป็นกระจุก

  • ลักษณะจุดที่ด่างดำเกิดจากกระ จะเป็นจุดเล็กๆ กลมๆ เห็นเส้นขอบชัดเจน และกระจายอยู่ทั่วใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณแก้ม

  • ลักษณะจุดด่างดำจากสิว จะมีรอยคล้ำเป็นวงกลมหรือตามรูปสิว ซึ่งยิ่งมีอาการอักเสบรุนแรงสีของรอยดำก็จะยิ่งเข้มมาก


 

ฝ้า ( Melasma หรือ Chloasma )

ลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลถึงดำเรียบไปกับผิว โดยจะมีสีเข้มกว่าสีผิวปกติรอบข้าง ขอบเขตไม่สม่ำเสมอ เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังทำงานมากขึ้นกว่าปกติและจำนวนเซลล์เมลาโนไซต์เพิ่มมากขึ้น เม็ดสีจึงถูกสร้างออกมามากกว่าเดิม ในผิวหนังจึงมีเม็ดสีหรือเมลานินมากขึ้น การเกิดฝ้าไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย และฝ้าไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิด แต่มักจะค่อยๆ เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ พบมากบริเวณที่มีโอกาสสัมผัสกับแสงแดดบ่อยๆ เช่น โหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง หน้าผาก ขมับ เหนือริมฝีปาก และจมูก โดยมักมีเท่ากันทั้ง 2 ข้าง และยังพบได้บริเวณคอ ไหล่ แขน หน้าอก และหลัง พบได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และส่วนใหญ่เริ่มพบในวัยกลางคนอายุประมาณ 30-40 ปี โดยฝ้าแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด

ฝ้า

  • ฝ้าตื้น (Epidermal type) เป็นฝ้าที่อยู่ในระดับชั้นหนังกำพร้าหรือผิวชั้นนอก ฝ้าชนิดนี้จะเป็นสีน้ำตาล มีเส้นขอบชัด เกิดขึ้นได้ง่าย มักตอบสนองต่อการรักษาได้ดี สามารถรักษาให้หายได้และใช้เวลาไม่นาน

  • ฝ้าลึก (Dermal type) เป็นฝ้าที่อยู่ในระดับลึกกว่าชั้นหนังกำพร้า คืออยู่ในชั้นหนังแท้ ด้วยความลึกจึงทำให้เกิดการแสดงของสีออกมาเป็นสีน้ำตาลอมฟ้าหรือสีน้ำตาลอมม่วง และมีขอบไม่ชัด เป็นฝ้าที่รักษาได้ยากและใช้เวลานาน

  • ฝ้าผสม (Indeterminate type) เป็นฝ้าที่พบได้บ่อยที่สุดในสามกลุ่มนี้ โดยมีทั้งปื้นสีน้ำตาลและสีน้ำตาลอมฟ้าหรือม่วง และตอบสนองแค่ต่อการรักษาบางอย่าง

ฝ้าเลือด

นอกจากนี้ยังมีฝ้าเลือด (Telangiectatic melasma) ที่ไม่ได้เกิดจากการสร้างเม็ดสีผิดปกติ แต่เกิดจากเส้นเลือดฝอยบริเวณใบหน้าขยายตัวผิดปกติ โดยมักเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนรวมถึงการใช้ยาฮอร์โมนรูปแบบต่างๆ และมักมีผิวแดงง่ายเมื่อโดนความร้อนหรือแสงแดด


 

กระ (Freckle)

จุดเล็กๆ สีน้ำตาลที่กระจายอยู่บนใบหน้า ซึ่งเกิดขึ้นได้จากความผิดปกติของเม็ดสีเมลานิน สร้างเซลล์เม็ดสีที่มากเกินไป มักเกิดขึ้นบริเวณโหนกแก้ม จมูก หรือตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และมักเกิดขึ้นกับคนที่มีลักษณะผิวขาวมากกว่าคนผิว กระไม่สามารถหายเองได้ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่รักษา กระก็อาจจะกระจายตัวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก


กระ

กระตื้น (Ephelis)

มีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาลอ่อน ขอบเขตชัดขนาด 2-3 มิลลิเมตร เห็นชัดเมื่อโดนแสงแดดกระทบ มักพบได้บริเวณที่สัมผัสแสงแดด มักพบในชาวยุโรป พบมากบริเวณโหนกแก้ม จมูก มีสาเหตุหลักจากพันธุกรรม


กระลึก

กระลึก (Freckle)

มีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ คล้ายกับกระตื้นแต่จะมีสีเข้มกว่า คือมีสีน้ำตาลเข้มหรือสีออกเทาดำ ขับเขตไม่ชัด ขนาด 2-3 มิลลิเมตร มักพบที่โหนกแก้มและจมูก สีจะค่อยๆเข้มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น และจะยิ่งมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด พบมากในหมู่คนเอเชีย มีสาเหตุหลักจากพันธุกรรมเช่นเดียวกัน


กระลึก

กระแดด (Lentigo, Lentigines, Liver spots, Sunspots)

ลักษณะเป็นจุดหรือเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อน ขอบเขตชัด ขนาด 0.3-2 ซ.ม. มักพบบ่อยบริเวณใบหน้า ลำตัว ซึ่งมักเจอในกลุ่มคนสูงอายุ คนผิวขาวจัด มีสาเหตุหลักจากแสงแดดและการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน


กระเนื้อ

กระเนื้อ (seborrheic keratosis)

เนื้องอกของผิวหนัง ลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็ก ผิวขรุขระ สีน้ำตาลอ่อนจนไปเข้มและดำ มักพบบริเวณใบหน้า คอ แขน และลำตัว เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังที่ผิดรูปแบบไป ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้กรรมพันธุ์และอายุที่มากขึ้น


 

ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดฝ้า กระ

เป็นเป็นสาเหตุหลักๆ ของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ เพราะสิ่งที่มาพร้อมกับแสงแดดคือรังสี UVA UVB โดยเฉพาะช่วง 10.00-14.00 น. ที่แสงยูวีจะแรงมากอันตรายต่อผิวหนังและดวงตา เพราะรังสียูวีในแสงแดดก่อให้เกิดอนุมูลอิสระจำนวนมากซึ่งอาจไปกระตุ้นเซลล์เม็ดสีให้ทำงานเพิ่มขึ้นมาก เกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำตามมาในที่สุด นอกจากแสงแดดแล้ว แสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน ก็กระตุ้นการสร้างเม็ดสีได้เช่นกัน

  • พันธุกรรม

มีรายงานว่าพันธุกรรมส่งผลต่อฝ้าและกระได้ถึงเกือบ 50% หากมีคนในครอบครัวมีฝ้ากระก็มีแนวโน้มที่เราจะเกิดฝ้ากระสูง

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ในภาวะตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน การทานาคุมกำเนิด เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้าได้ มักพบฝ้าได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย สำหรับฝ้าที่เกิดในช่วงตั้งครรภ์ที่พบมากโดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3 เมื่อคลอดแล้ว ฝ้าจะค่อยๆ จางลงโดยใช้ระยะเวลาเป็นเดือนๆ และอาจเหลือร่องรอยดำไว้บ้าง ในส่วนของยาคุมกำเนิดมักมีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งอาจส่งผลกระตุ้นการเกิดฝ้าได้ ในคนที่ทานยาคุมกำเนิดติดต่อกัน 6 เดือนขึ้นไป มักมีปัญหาเรื่องฝ้า

  • อายุมากขึ้น

ปัญหาฝ้ากระที่เกิดเมื่ออายุมากขึ้นเกิดจากกลไกการผลัดเซลล์ผิวของร่างกายทำงานได้ช้าลง รวมไปถึงการเผชิญกับแสงแดด มลภาวะและสภาพแวดล้อมที่คอยทำร้ายผิวมาเป็นเวลานานด้วยเช่นกัน

  • เครื่องสำอาง

ในเครื่องสำอางบางชนิดมีการเจือปนสารเคมีหรือสารอันตรายต่อผิวหน้า ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง เกิดรอยด่างดำสะสมบนใบหน้าและอาจทำให้เกิดเป็นฝ้าได้


 

วิธีป้องกันและลดการกลับมาเป็นซ้ำ

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีใดที่จะรักษาฝ้าให้หายขาดได้ การดูแลตัวเองเพื่อลดการกลับมาเป็นซ้ำจึงสำคัญมากเช่นกัน

  • ปกป้องผิวจากแสงแดดโดยทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันการเกิดฝ้า กระ

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด กางร่มหรือสวมหมวกเมื่อต้องออกไปเจอแดด

  • หลีกเลี่ยงแสงจากหน้าจอมือถือ แสงไฟ แสงจากทีวี

  • หากเป็นผู้ที่มีปัญหาผิวเรื่องฝ้าอยู่แล้วควรมีการปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้ยาบางประเภทเนื่องจากตัวยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบให้เกิดฝ้ามากขึ้นหรือเข้มกว่าเดิมได้

  • คอยสังเกตว่าฝ้านั้นเกิดจากยาคุมกำเนิดหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นควรพบแพทย์เพื่อเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิด


 

วิธีรักษา

การรักษาฝ้ากระด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียวอาจได้ผลไม่ดีนัก จึงอาจพิจารณาใช้หลายวิธีร่วมกัน



ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยลดเลือนจุดด่างดำ เช่น Vitamin C, Arbutin, Kojic acid, Niacinamide หรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น Glycolic Acid, Salicylic acid, AHA, BHA ซึ่งเป็นการทำให้ฝ้าจางลงได้ชั่วคราว ถ้าหยุดใช้ฝ้าก็มีโอกาสกลับมาได้


ข้อควรระวัง

  • ควรระวังการใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวร่วมกัน อาจทำให้เกิดการแพ้ได้

อาการแทรกซ้อน

  • พบได้น้อย แต่อาจทำให้ผิวระคายเคืองง่ายหรือมีอาการแพ้ได้ในบางราย


 


การผลัดผิวด้วยกรดผลไม้ (Chemical Peeling)

เป็นการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกหรือเซลล์หนังกำพร้าที่ตายไปแล้วออกไป หลังจากผิวเก่าถูกผลัดออกไปก็จะทำให้ได้ผิวใหม่เกิดขึ้นมา ทำให้รอยดำจุดด่างดำลดเลือนลง แต่ต้องทำต่อเนื่องและเห็นผลแค่ฝ้ากระในผิวชั้นตื้นๆ เท่านั้น หลังทำอาจทำให้ผิวไวต่อแดดมากขึ้นในระยะสั้นๆ 1 สัปดาห์แรกหลังทำ จึงควรเลี่ยงแสงแดด


ข้อควรระวัง

  • ถ้ามีประวัติการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้า ควรรอให้แผลหายสนิทก่อน

  • ไม่ควรลอกหน้าในคนที่กินยาคุมกำเนิด เพราะจะยิ่งทำให้รอยคล้ำหลังลอกเข้มมากกว่าปกติ

  • หลังทำไม่ควรออกไปเจอแสงจ้า เพราะกรดเหล่านี้ทำให้ผิวไวต่อแดดมากขึ้น

  • ควรระวังการลอกหน้าในผู้ที่กินยากรดวิตามินเอ (isotretinoin) อาจทำให้ผิวแห้งกว่าเดิม และอาจลอกเป็นขุยได้

อาการแทรกซ้อน

  • ผิวอาจคล้ำขึ้น หลังทำจึงควรเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดดเป็นประจำ

  • อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย หากกระบวนการทำไม่สะอาด

  • ผิวแดงระคายเคือง มักจางหายไปใน 30-90 วัน

  • ผิวอาจแห้ง ลอกเป็นขุย

  • ในบางรายมีสิวเห่อหลังทำได้


 


การกรอผิว (Microdermabrasion)

การกรอผิวเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับเร่งการผลัดเซลล์ผิวด้วยด้วยอัญมณีขนาดเล็ก (Micropeel) หรือละอองน้ำ (Hydropeel) ทำให้รอยดำจางลง โดยทั่วไปจัดว่าเทคนิค microdermabrasion ค่อนข้างปลอดภัย ไม่เกิดบาดแผลหรือตกสะเก็ด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยไหม้ แต่ต้องทำต่อเนื่อง และไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการรักษาฝ้า กระในผิวชั้นลึก เพราะเทคนิคนี้ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกเท่านั้นแต่ไม่ได้ลงลึกถึงชั้นหนังแท้ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหา


ข้อควรระวัง

  • ระวังในผู้ที่กำลังกินยา Isotretinoin หรือหยุดยามาไม่ครบ 1 ปี

  • ระวังในผู้เป็นเริม มะเร็งผิวหนัง หรือมีผิวหนังอักเสบ

  • ควรให้ผู้ป่วยสวมแว่นป้องกันขณะทำ

  • อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย หากกระบวนการทำไม่สะอาด

  • ช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังทำไม่ควรออกไปเจอแสงแดดแรงๆ เพราะชั้นผิวบางลง ไวต่อแดดมากขึ้น

อาการแทรกซ้อน

  • พบได้น้อย ที่เคยมีรายงานคืออาการตาแดง กลัวแสง เยื่อบุนัยน์ตาบวมแดง

  • อาจทำให้ผิวระคายเคืองง่าย เกิดบาดแผลถลอก และมีเลือดออกได้


 


ฉีดเมโส (Mesotherapy)

เป็นการฉีดสารสกัดลดเลือนจุดด่างดำ เช่น Tranexamic Acid กรดโคจิก อาร์บูติน กลูต้าไธโอน เช่นเดียวกันกับการใช้ครีม แต่การฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังจะเห็นผลรวดเร็วกว่าการทาครีม ละยังช่วยแก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน ผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใสได้อีกด้วย


ข้อควรระวัง

  • ควรระวังการใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัวร่วมกัน

  • อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย หากกระบวนการทำไม่สะอาด

  • งดล้างหน้า หรือให้หน้าโดนน้ำอย่างน้อย 4 ชั่วโมง

อาการแทรกซ้อน

  • พบได้น้อย แต่อาจทำให้ผิวระคายเคืองง่ายหรือมีอาการแพ้ได้ในบางราย


 


ฉีดสเต็มเซล์ (Stem cell therapy)

สเต็มเซลล์มีส่วนช่วนในการลดรอยด่างดำมีงานวิจัยชี้ว่าการฉีดสเต็มเซลล์ให้กับคนที่ต้องการรักษาผิวพรรณเพื่อย้อนวัยตัวเองส่งผลทำให้ฝ้าลดลงตามไปด้วยเมื่อทำการทดลองกับคนที่ไม่ได้ต้องการย้อนวัยแต่ต้องการรักษาฝ้าเพียงอย่างเดียว ก็พบว่าสเต็มเซลล์สามารถช่วยลดฝ้าได้


ข้อควรระวัง

  • ระวังการฉีดในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์

  • ระวังการฉีดในผู้ป่วย SLE, HIV

  • อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย หากกระบวนการทำไม่สะอาด

  • งดล้างหน้า หรือให้หน้าโดนน้ำอย่างน้อย 4 ชั่วโมง

  • ดทำเลเซอร์ ทรีทเมนท์ รวมถึงการอบซาวน่า อย่างน้อย 2 สัปดาห์

อาการแทรกซ้อน

  • พบได้น้อย


 


เลเซอร์ (Laser)

เป็นการใช้พลังงานแสงที่มีความยาวคลื่นขนาดต่างๆ ช่วยลดเม็ดสี ทำให้จุดด่างดำค่อยๆ จางลงได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ หรือ รอยจุดด่างดำอื่นๆ หลังรักษาด้วยเลเซอร์หน้าจะแดงเล็กน้อยและหายเป็นปกติได้เอง แต่ต้องเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดดทุกวัน นอกจากนี้ยังควรใช้ครีมบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นเสมอแต่ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยผลัดเซลล์ผิวหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์

· Q-switched Nd:YAG เป็นเครื่องเลเซอร์ที่สามารถปล่อยแสงได้ 2 ความยาวคลื่น ได้แก่ 532 nm และ 1064 nm ซึ่งจะถูกดูดซึมโดยเมลานินในผิวหนังทำให้เกิดการแตกตัว สามารถรักษาฝ้ากระได้ทั้งแบบตื่นและแบบลึก

· Picosecond Laser ใช้พลังงานทำลายเม็ดสีและทำให้เม็ดสีแตกตัว ช่วยลดความเข้มของเม็ดสีผิวลง ช่วยลดเลือนฝ้า กระ โดยไม่ก่อให้เกิดสะเก็ดแผลเป็นทิ้งไว้ และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้ชั้นผิว กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า


ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรให้บริเวณที่ทำเลเซอร์โดนน้ำ 24 ชั่วโมงแรกหลังทำ

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดหลังทำเลเซอร์ 2 สัปดาห์

  • หลังทำเมื่อแผลเริ่มตกสะเก็ด ควรปล่อยให้สะเก็ดหลุดเอง ห้ามแกะ

  • เริ่มใช้เครื่องสำอางหรือทาครีมกันแดดได้ 1 สัปดาห์หลังเลเซอร์ หรือจนกว่าสะเก็ดแผลจะหลุดออกหมด

อาการแทรกซ้อน

  • ผิวอาจระคายเคืองง่ายขึ้น

  • อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียการใช้ยาปฏิชีวนะหรือการดูแลรักษาแผลดีจะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้

  • ผิวอาจตกสะเก็ด และหลุดไปเองใน 1-3 วัน

  • อาการปวด แสบร้อน บรรเทาได้ด้วยการประคบเย็นหรือกินยาแก้ปวด มักจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง

  • ผิวอาจคล้ำขึ้น โดยส่วนมากจะจางลงภายในเวลา 2-6 เดือน และมักพบบ่อยในผู้ป่วยที่ผิวคล้ำ และจะยิ่งเป็นมากขึ้นเมื่อบริเวณที่ได้รับการรักษาถูกแสงแดดจัด

  • สีผิวจางลง (Hypopigmentation) มักเกิดกับบริเวณที่รับการรักษาหลายครั้งหรือรักษาถี่เกินไป หายเป็นปกติได้เองแต่อาจใช้เวลาหลายเดือน และในบางกรณีสีผิวอาจจางลงถาวร ซึ่งพบได้น้อย

  • บางรายอาจมีอาการแพ้ที่ผิวหนังได้


ราคา

ความเหมาะสม

ประสิทธิภาพในการรักษา

คะแนนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

​300 - 4,000

ฝ้ากระในผิวชั้นตื้นๆ





​การผลัดผิวด้วยกรดผลไม้

​300 - 500

ฝ้ากระในผิวชั้นตื้นๆ





การกรอผิว

500 - 2,000

ฝ้ากระในผิวชั้นตื้นๆ





​เมโส

​500 - 1,000

ฝ้ากระในผิวชั้นตื้นๆ





​ฉีดสเต็มเซล์

​เริ่มต้นที่ 5,000

ฝ้ากระในผิวชั้นตื้นๆ





​Q-switched Nd:YAG

1,500 – 3,000

ฝ้ากระในผิวชั้นลึก





​Picosecond Laser

7,000 – 10,000

ฝ้ากระในผิวชั้นลึก







INNO GLITTER นวัตกรรมย้อนวัยผิว ผสมสารประกอสำคัญ PDRN เข้มข้น จาก USA

PDRN : ลดเลือนริ้วรอยเเห่งวัย ใบหน้าเด้งกระชับ

Hyaluronic Acid : ไฮย่าบริสุทธิ์ ขนาดเล็ก พร้อมเเทรกซึมทุกอนุผิว เผยผิวฉ่ำวาว วับจับเเสง ดุจผิวสุขภาพดี ชุ่มฉ่ำน้ำ

Placenta Extract : โปรตีนโมเลกุลเล็ก ส่งตรงเข้าซ่อมเเซมเเละฟื้นฟูทุกปัญหาผิวที่เสื่อมสภาพ

Koji (โคจิก) : สารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยปกป้องจากอนุมูลอิสระ เเละ ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง จุดด่างดำเเลดูจางลง



สนใจสินค้าของ INNO GLITTER สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

ได้ที่ 061-5325495 หรือ กดเเอด Line ด้านล่างได้เลยค่ะ





445 views0 comments
bottom of page