top of page

หน้าเด็ก ดูเอิบอิ่ม สวย ด้วย การฉีดไขมัน หรือ ฟิลเลอร์ วิธีไหนดีกว่ากัน?

Updated: Dec 26, 2022

" ใบหน้าสวยดูมีมิติ " ในแบบที่คุณเลือกได้...




ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารที่ใช้เพื่อเติมเต็ม ลดเลือนริ้วรอย ลดร่องแก้ม ลดร่องใต้ตา ปรับรูปหน้า และยังเป็นการเติมใยคอลลาเจน ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึงมีน้ำมีนวล ดูมีมิติมากขึ้นด้วย ปัจจุบันได้มีการพัฒนาสารตัวใหม่ขึ้นมา นั่นคือ Hyaluronic Acid (HA Filler) ซึ่งสามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติในช่วง 6 เดือน – 2 ปี มีความเข้ากันกับคอลลาเจนผิวหนัง เราได้อย่างดี และโอกาสในการเกิดการแพ้ต่ำ


การเติมไขมัน (Fat Grafting) คือการดูดไขมันในร่างกายของเราจากจุดหนึ่งไปเติมอีกจุดหนึ่ง ส่วนใหญ่จะดูดจากจุดที่มีไขมันส่วนเกิน เช่นบริเวณหน้าท้อง ต้นแขนขา ซึ่งในไขมันของเราจะมีสเต็มเซลล์อยู่ สามารถช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวสุขภาพดีและช่วยทำให้ผิวแข็งแรงมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ผิวดูสุขภาพดีมากขึ้น และยังลดเลือนริ้วรอย รอยเหี่ยวย่นที่หน้าผาก ใต้ตา หางตา ร่องแก้ม หรือเติมแก้มตอบทำให้ดูมีมิติขึ้น



ฟิลเลอร์ (Filler)

ข้อดี • ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ เพราะสามารถควบคุมปริมาณและทิศทางของสารเติมเต็มได้ • เห็นผลทันที ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน (โดยเฉลี่ย 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย) • ฟิลเลอร์ (Filler) จะไม่สลายหายไปทันทีเหมือนเซลล์ไขมัน • เจ็บตัวน้อยกว่าการฉีดไขมัน • ได้รับความนิยมมากกว่าการฉีดไขมัน


ข้อเสีย • อย่างไรก็ตาม ฟิลเลอร์ (Filler) ก็ได้ชื่อว่าเป็นสารเติมเต็มที่ไม่ใช่ธรรมชาติ 100% ทำให้ต้องดูแลอย่างดีเพื่อไม่ให้ใบหน้าเกิดพังผืด

• ฟิลเลอร์ของแท้จะต้องมีระยะเวลาในการสลายไปตามธรรมชาติ แต่หากใช้ฟิลเลอร์ของปลอมไม่ได้มาตรฐาน หรือใช้สารเหลวอื่นที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์จะไม่ย่อยสลายและตกค้างในร่างกาย

•อาจอุดตันในเส้นเลือดได้



เติมไขมัน (Fat Grafting)

ข้อดี • ได้ทั้งกำจัดไขมันส่วนเกิน และได้เติมเต็มจุดบกพร่องอื่นที่ต้องการ • ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้เพราะเป็นการใช้ไขมันจากร่างกายของเราเอง มักจะไม่ค่อยมีปฏิกิริยาใด ๆ กับคนไข้ และไม่มีการต่อต้านใด ๆ กับร่างกาย

• สามารถฉีดได้ในปริมาณมากเกินกว่า 10 มิลลิลิตรต่อครั้ง


ข้อเสีย • เจ็บตัวหลายครั้งเพราะต้องดูดไขมันจากจุดใดจุดหนึ่งออก แล้วค่อยนำไปฉีดส่วนที่ต้องการ

• ใช้เงินสูงเพราะกระบวนการนี้ต้องอาศัยเครื่องมือเฉพาะทางในการดูดเซลล์ไขมันที่ยังมีชีวิต • ส่วนใหญ่ต้องกลับมาเติมซ้ำอีก 1-3 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ยาวนาน (ขึ้นกับปริมาณไขมันที่สลายตัว แตกต่างกันตามบุคคล)

• ภายหลังการฉีดไขมันจะมีอาการบวมอยู่นานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากต้องใช้ปริมาณไขมันมากกว่าในการฉีดเพราะเมื่อไขมันยุบเข้าที่แล้วจะเหลือจริงๆ เพียง 30%

• ไม่สามารถทำได้ในคนที่ผอมมากๆและไม่มีไขมัน

5 views0 comments
bottom of page