top of page

Retinal vs Tretinoin คืออะไร ? ต่างกันอย่างไร ?


Retinal vs Tretinoin คืออะไร ? ต่างกันอย่างไร ?

เคยสงสัยกันไหมว่า Retinal และ Tretinoin แตกต่างกันอย่างไร ? ช่วยในเรื่องอะไร เหมาะกับผิวแบบไหน ? ควรเลือกใช้อันไหนให้เหมาะกับผิว!! ซึ่งเชื่อว่าหลายท่านยังไม่ทราบถึงความแตกต่าง เนื่องจากสารทั้ง 2 ตัวนี้อยู่ในกลุ่มวิตามินเอทั้งคู่ 

ดังนั้นวันนี้ทางเราจะมาแชร์ความแตกต่างระหว่าง Retinal และ Tretinoin ผ่านข้อมูลในบทความด้านล่างนี้ เพื่อจะได้เป็นความรู้ และเลือกสิ่งที่ดีให้กับผิวของตนเองกันค่ะ


เลือกหัวข้อที่สนใจอ่านตามด้านล่าง


 

ทำความรู้จัก Retinal กับ Tretinoin

ทั้ง Retinal และ Tretinoin เป็นสารในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoid) ทั้งคู่ เรตินอยด์คือสารในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอที่มีงานวิจัยออกมารองรับหลายชิ้นว่าช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิวได้ โดยสารในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอมีมากมายหลายชนิดเช่น Retinyl esters, Retinol, Retinaldehyde, Retinoic acid, Tretinoin, Adapalene, Tazarotene ซึ่งคุณสมบัติหลักๆ ของอนุพันธ์วิตามินเอคือช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดการอุดตันของสิว เร่งการผลัดเซลล์ผิว ลดริ้วรอย


 

Retinal คืออะไร ?

Retinal หรือ Retinaldehyde จัดเป็นสารกลุ่มเรตินอยด์ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุญาตให้ใช้ในเครื่องสำอางได้ เพราะผลข้างเคียงน้อยและตัวสารไม่สามารถออกฤทธิ์เองได้ จะออกฤทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อผ่านกระบวนการเมแทบอไลต์ด้วยเอนไซม์ในชั้นผิวเปลี่ยนให้เป็นกรดวิตามินเอก่อน ประสิทธิภาพและการระคายเคืองน้อยกว่ากรดวิตามินเอ โดยทั่วไปจะใช้ Retinal ที่ความเข้มข้น 0.05-0.1% เพื่อฟื้นฟูและรักษาผิวเสื่อมสภาพ เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและริ้วรอยร่องลึกลดลง


 

Retinal  ดีต่อผิวอย่างไร ?

  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

  • กระตุ้นให้มีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว

  • ลดความเสื่อมของคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิว

  • เพิ่มความกระชับ และยืดหยุ่นให้กับผิว

  • กระตุ้นการทำงาน และเพิ่มจำนวนเซลล์ผิว (ไฟโบรบลาสต์)

  • ช่วยให้ผิวเรียบเนียน จุดด่างดำ และริ้วรอยร่องลึกลดลงได้


 

ควรเริ่มใช้ Retinal เมื่อไหร่ดี ?

ส่วนใหญ่แล้วอายุที่เหมาะสมสำหรับใช้ Retinal คือ 20 – 40 เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนจะค่อย ๆ ลดลง จึงจำเป็นต้องใช้ Retinal ให้เข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว


 

Retinal เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน ?

  • ริ้วรอย จุดด่างดำ

  • ผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ

  • ผิวขาดความยืดหยุ่น

  • ผิวแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น


 

Retinal ใช้ได้ทุกวันไหม ?

เรตินอล สำหรับผู้ที่เริ่มใช้ครั้งแรก  จะแนะนำให้ใช้เพียงสัปดาห์ละ 2 วัน เนื่องจากผู้ที่เริ่มใช้ อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้  หลังจากนั้นให้เพิ่มความถี่เป็นวันเว้นวัน และควรใช้ตอนกลางคืน ส่วนในตอนเช้าควรใช้ครีมกันแดดร่วมด้วย เนื่องจากเรตินอลทำให้ผิวไวต่อแสงแดด


 

กระบวนการเปลี่ยนแปลงเป็นกรดวิตามินเอ

Tretinoin คืออะไร ?

Retinoic acid (กรดวิตามินเอ) หรือ Tretinoin คือสารกลุ่มเรตินอยด์ที่สามารถออกฤทธิ์ได้ด้วยตัวเอง มักถูกนำมาใช้ผสมในผลิตภัณฑ์รักษาสิว ผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็น และผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย โดยใช้ในความเข้มข้น 0.025 - 0.1%เพื่อรักษาสิวโคมีโดน (Comedonal acne) สิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน สิวอักเสบ เร่งการสร้างและผลัดเซลล์โดยเฉพาะที่ผนังรูขุมขนเพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตาย ช่วยยับยั้งการหลั่งสารสื่ออักเสบสาเหตุของการเกิดสิว และเพื่อฟื้นฟูผิวที่มีริ้วรอยหรือจุดด่างดำจากแสงแดด กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยลดรอยแตกลายของผิว (Stretch marks) Tretinoin อาจทำให้ผิวแห้ง และระคายเคืองผิวอย่างรุนแรงได้ อย. จึงจัด Tretinoin หรือกรดวิตามินเอเป็นยา ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง และต้องจำหน่ายโดยเภสัชกรเท่านั้น


 

Tretinoin ดีต่อผิวอย่างไร ?

  • กระตุ้นให้มีการผลัดเปลี่ยนของเซลล์ผิว

  • เร่งการกำจัดไขมันที่ตกค้าง ลดการอักเสบในต่อมไขมัน

  • ยั้บยั้งการรวมตัวของกลุ่มเม็ดสีเมลานิน

  • ยั้บยั้งการรวมตัวของกลุ่มก้อนเนื้อ (Keratosis)


 

Tretinoin เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหน ?

  • สิว และรอยสิว

  • รูขุมขนอุดตัน

  • ต่อมไขมันอักเสบ

  • หน้ามันเยิ้ม


 

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Tretinoin

การใช้ยา Tretinoin อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น เจ็บ แสบ แดง คัน หรือระคายเคืองผิวหนัง หรือผิวหนังเปลี่ยนสีบริเวณที่ทายา หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรง หรือมีอาการแพ้ยา ควรรีบไปพบแพทย์ทันที


 

สรุปความแตกต่าง Retinal กับ Tretinoin


สรุปความแตกต่าง Retinal กับ Tretinoin

 

 ใช้วิตามินเอ อย่างไรให้ปลอดภัย ?

  • กลุ่มคนตั้งครรภ์ หรือวางแพลนว่าจะตั้งครรภ์ไม่ควรใช้

  • ทำความสะอาดใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของสารเร่งการผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA BHA

  • ห้ามใช้ร่วมกับยาหรือสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide, salicylic acid, AHA, BHA และ Glycolic acid แต่สามารถใช้แยกกันโดยใช้ยากลุ่มนี้ในตอนเช้า และใช้วิตามินเอก่อนนอน

  • หากใช้แชมพูขจัดรังแคที่มีส่วนผสมของซัลเฟอร์ ควรเลี่ยงไม่ให้แชมพูโดนบริเวณที่ทาวิตามินเอ

  • บำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นก่อน เพื่อลดอาการระคายเคืองที่เกิดขึ้น Tretinoin ได้

  • ควรเริ่มใช้ที่ความเข้มข้นต่ำ และอาจเพิ่มความเข้มข้นขึ้นเมื่อผิวคุ้นกับยามากขึ้น

  • หลีกเลี่ยงการทาบริเวณรอบจมูก ปาก ตา และแผลเปิด

  • ทากันแดดสม่ำเสมอ แม้จะใช้เรตินอยด์ในตอนกลางคืน


 

สรุป

Retinal และ Tretinoin เป็นสารในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoid) ทั้งคู่ อยู่ในกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิวได้ โดย Retinal จะจัดอยู่ในเคื่องสำอาง ใช้เอนไซม์บนผิวในการออกฤทธิ์ มีความเข้มข้น 0.05-0.1% ให้ผลลัพธ์ด้านการชะลอวัย ช่วยฟื้นฟูผิวให้ผิวเรียบเนียน ทำให้เกิดการระคายเคืองน้อย ส่วน Tretinoin จัดเป็นยาที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง มีความเข้มข้น 0.025-0.1% ช่วยรักษาสิว ลดริ้วรอย ลดรอยแตกลาย และให้ผลลัพธ์ด้านการชะลอวัยอีกด้วย ซึ่งมีโอกาสในเกิดการระคายเคืองสูง


 

10 views0 comments
bottom of page