top of page

สิวเกิดจากอะไร ? รักษายังไง ? ให้ไม่กลับมาเป็นอีก !

Updated: 13 hours ago


สิว เกิดจาก

สารบัญ

สิว คืออะไร ?

สิว เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

สิว มีกี่ประเภท ?

ระดับความรุนแรงของสิว ?

รักษาสิวได้อย่างไรบ้าง ?


 

1. สิวคืออะไร ?

สิว คือ อาการที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขน และต่อมไขมัน มักจะเกิดขึ้นบริเวณที่มีต่อมไขมันขนาดใหญ่อยู่เยอะอย่างเช่น บริเวณใบหน้า ลำคอ หน้าอกและแผ่นหลัง โดยมักจะพบมากในช่วงวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 14-25 ปี และจะค่อยๆหายไปเมื่ออายุมากขึ้น แต่ในบางคนสามารถเป็นๆหายๆขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิต สภาพหน้า และปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย


 

2. สิวเกิดจากอะไรได้บ้าง ?

การเกิดสิวไม่ได้มีสาเหตุหลัก แต่สามารถเกิดได้จากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

2.1. พันธุกรรม : พันธุกรรมของบางคนอาจมีความบกพร่องก่อให้เกิดการสร้างน้ำมันที่เคลือบผิวหน้า (Sebum) ออกมามากจนเกินไป ทำให้เสี่ยงต่อการอุดตันของรูขุมขนได้ง่ายและยังเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียได้อย่างดีจึงสามารถเกิดเป็นสิวได้


พันธุกกรรม

2.2. การใช้ยา : ตัวยาบางชนิดก็สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้ เช่น ยาที่มีส่วนผสมของ Steroid ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวได้อย่างดี


ยา Steroid

2.3. การใช้เครื่องสำอาง : เครื่องสำอางที่ใช้อาจสามารถก่อให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขนและเกิดการสะสมสิ่งสกปรก จากทั้งฝุ่น แบคทีเรีย ก่อเป็นสิวในที่สุด


เครื่องสำอาง

2.4. สภาพผิวของแต่ละบุคคล : อาจสอดคล้องกับพันธุกรรมของแต่ละคนด้วยที่ทำให้มีสภาพผิวที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคลที่เอื้อต่อการเกิดสิว เช่น สภาพผิวที่มันก็จะเสี่ยงต่อการเกิดสิวได้ง่าย


สภาพผิว

2.5. เชื้อแบคทีเรีย : เชื้อแบคทีเรียหลายชนิดสามารถขยายพันธุ์ได้ดีในพื้นที่ที่สกปรกและมีความมัน เช่น Cutibacterium acnes, Propionibacterium acnes เป็นต้น เมื่อเกิดการสะสมมากขึ้นก็จะทำให้เกิดสิวได้


เชื้อแบคทีเรีย

2.6. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน : โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นของมนุษย์จะมีการสร้างฮอร์โมนเพศที่มาก ที่จะไปกระตุ้นการต่อมไขมันให้ผลิตไขมันออกมามากขึ้น ส่งผลให้ในช่วงนี้ของวัย มักจะมีผิวที่มันกว่าปกติและเสี่ยงต่อการอุดตันของรูขุมขนมากขึ้น และเกิดสิวได้


การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน

2.7. การความสะอาดและดูแลผิวของแต่ละบุคคล : การทำความสะอาดผิวถือเป็นหนึ่งได้การช่วยป้องกันการเกิดสิวได้แต่ถ้าเราทำความสะอาดได้ไม่ดีเพียงพอ อาจเกิดการสะสมของสิ่งสกปรกเพิ่มขึ้น ก็สามารถก่อให้เกิดเป็นสิวได้


การทำความสะอาดดูแลผิว

 

3. สิวมีกี่ประเภท?

3.1. สิวชนิดไม่อักเสบ คือ สิวที่เกิดจากน้ำมันส่วนเกินผสมกับสิ่งตกค้าง สิ่งสกปรกต่างๆแล้วอุดตันบริเวณรูขุมขน ถ้าหากสิวชนิดนี้อุดตันไปนานๆหรือมีการสัมผัส บีบ เกาะ เกา แล้วสิวไม่ได้หลุดออกไปอาจก่อให้เกิดเป็นสิวชนิดอักเสบต่อไปได้


สิวชนิดไม่อักเสบ แบ่งออกได้ 2 แบบ

3.1.1. สิวหัวขาว หรือ สิวหัวปิด (Whitehead comedones or Closed comedones) สิวหัวขาว จะมีลักษณะเป็นตุ่ม มีจุดสีขาว อาจมีได้ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เกิดจากการอุดตั้นของเชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกเข้าไปปิดบริเวณปากผิวทำให้เกิดการอุดตัน ไม่เกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ


สิวหัวขาว

3.1.2. สิวหัวดำ หรือ สิวหัวเปิด (Blackhead comedones or Open comedones) สิวหัวดำ จะมีลักษณะเป็นจุดสีดำ เกิดจากการที่เส้นขนเส้นเล็กๆหรือผิวที่หลุดลอกออกแล้วเข้าไปอุดตันรูขุมขน ผสมกับไขมันบนชั้นผิวที่มีการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ



3.2. สิวชนิดอักเสบ คือ สิวที่มีการอุดตันของรูขุมขนและมีการอักเสบร่วมด้วย เกิดจากการที่มีสิวชนิดไม่อักเสบแล้วไม่ได้รับการรักษาร่วมกับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าต่างๆเพิ่มเติม เช่น การสัมผัส, สิ่งสกปรก, เชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น

สิวชนิดอักเสบ แบ่งออกได้ 4 แบบ

3.2.1. สิวตุ่มแดง (Papule) เป็นสิวหัวแดง กลม ขนาดเล็กไม่เกิน 0.5 ซม. ไม่มีหัวหนอง อาจรู้สึกเจ็บเล็กๆเมื่อไปสัมผัส สิวอักเสบชนิดนี้จะรักษาง่ายเพราะเกิดการอักเสบบริเวณผิวชั้นบน แต่ถ้าไม่รีบรักษาแล้วมีการไปบีบ กด อาจทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้นและติดเชื้อลงไปในชั้นที่ลึกขึ้น จนเกิดเป็นหัวหนองขึ้น


สิวตุ่มแดง

3.2.2. สิวหัวหนอง (Pustule) เป็นสิวอักเสบชนิดที่มีหัวหนองอยู่ในชั้นตื้น มีลักษณะเป็นตุ่มที่มีหนองเกาะนูนอยู่บนผิวชั้นตื้น เกิดจากสิวอุดตัน ที่มีการสัมผัส แกะ บีบ จนทำให้เกิดการติดเชื้อแล้วเกิดหนองขึ้นตามมา


สิวหัวหนอง

3.2.3. สิวอักเสบแบบตุ่มแดงก้อนลึก (Nodule) เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน สีแดง แต่จะมีขนาดใหญ่ แข็งเป็นไต สิวชนิดนี้เมื่อสัมผัสดูจะเห็นว่าก้อนสิวลึกถึงภายใน ใช้เวลานานกว่าจะยุบ แต่ถ้ารักษาหายได้สิวชนิดนี้มักไม่ทิ้งรอยแผลไว้ (ไม่ควรกด เพราะอาจเกิดการลุกลาม)


สิวอักเสบก้อนลึก

3.2.4. สิวอักเสบแบบถุงใต้ผิวหนัง (Cyst acne) เป็นสิวอักเสบชนิดที่รุนแรงที่สุด มีลักษณะเป็นถุงขนาดใหญ่ มักอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน ไม่ควรทำการรักษาเอง ควรรับไปพบแพทย์โดยด่วน


สิวอักเสบถุงใต้ผิวหนัง

 

4. ระดับความรุนแรงของสิว?

ระดับความรุนแรงของสิวได้ถูกจำแนกจากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยไว้อยู่ 3 ระดับ ดังนี้

ระดับความรุนแรง

ลักษณะที่เกิด

สิวเล็กน้อย

มีสิวไม่อักเสบหรือมีสิวอักเสบชนิด Papule/Pustule ไม่เกิน 10 จุด

สิวปานกลาง

มีสิวอักเสบชนิด Papule/Pustuleมากกว่า 10 จุด หรือมี Nodule น้อยกว่า 5 จุด

สิวรุนแรง

​มีสิวอักเสบชนิด Papule/Pustule จำนวนมากหรือมี Nodule/Cyst เป็นจำนวนมาก


 

5. รักษาสิวได้อย่างไรบ้าง?

5.1. ใช้ยารักษา

5.1.1. ยาชนิดทา : ยาแก้สิวส่วนใหญ่มักจะมีส่วนผสมของกรดบางชนิดที่ช่วยกำจัดสิว หรือควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวอักเสบ

- Tretinoin : เป็นกลุ่มวิตามิน เอ ที่สามารถหาซื้อได้ง่าย ช่วยลดการอุดตันและก่อตัวของสิว และลดอาการอักเสบของสิวได้ เมื่อทาแล้วจะทำให้ผิวหนังบางลงควรหลีกเลี่ยงการโดนแดด

- Adapalene : เป็นกลุ่มวิตามิน เอ ที่สามารถช่วยลดอาการบวมและอาการอักเสบที่ผิวหนัง รวมถึงลดการเกิดสิวได้ ยาชนิดนี้ยังสามารถทนทานต่อแสงแดดได้และยังสามารถใช้รวมกับยากลุ่ม Benzoyl peroxide ได้

- Benzoyl peroxide : ช่วยฆ่าเชื้อและควบคุมเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวอักเสบ นอกจากนี้ยังสามารถลดปริมาณไขมันบนชั้นผิวหนังได้

- Azelaic acid : เป็นตัวยาที่ออกฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes ทำให้ลดการเกิดสิวอักเสบ และยังช่วยลดการสร้างเม็ดสีผ่านการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งจะช่วยลดรอยดำหลังการอักเสบ

- Clindamycin : เป็นกลุ่มยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาสิวมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ Propionibacterium acnes


5.1.2. ยาชนิดทาน

- Doxycycline : เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่ม Tetracycline ที่ใช้ในการรักษาสิวโดยการฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั้งเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกและแบคทีเรียแกรมลบที่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิวอักเสบและยังช่วยลดความเข้มข้นของกรดไขมันอิสระก็จะช่วยให้จำนวนเชื้อแบคทีเรียCutibacterium acnes ลดลงไปด้วย ควรระมัดระวังในการใช้ยาในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต

- Cephalexin : เป็นยาที่ช่วยในการลดอาการอักเสบ

- Isotretinoin : เป็นกลุ่มวิตามิน เอ ที่ช่วยในการลดแบคทีเรียและลดอาการอักเสบได้ ยาตัวนี้มีผลข้างเคียงที่อาจทำให้ไขมันในเลือดสูงและเกิดการอักเสบที่ตับได้จึงควรใช้ในกรณีที่มีสิวอักเสบมาก ต้องจ่ายยาโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร เพราะอาจทำให้ทารกเกิดความผิดปกติได้


5.2. การปรับฮอร์โมนด้วยยาคุมกำเนิด

การใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อลดฮอร์โมนเพศชายที่กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนังที่มากเกินไปแต่ต้องมีการปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเพื่อให้ทราบถึงผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดที่อาจเกิดขึ้น


5.3. การติดแผ่นแปะสิว

เป็นวิธีที่ช่วยในการรักษาสิวหนองได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยตัวแผ่นดูดจะดึงน้ำ ของเหลว และไขมันส่วนเกินออกมาช่วยให้สิวแห้งง่ายขึ้น เป็นตัวช่วยที่ดีในการเลี่ยงการสัมผัสระหว่างของเรากับสิวโดยตรงแล้ว ยังช่วบลดการติดเชื้อจากแบคทีเรียที่อาจติดมากับมือของเราได้ มีข้อแนะนำ คือ แผ่นแปะสามารถใช้ได้กับสิวอักเสบที่เกิดบริเวณผิวหนังชั้นบนเท่านั้น ถ้าสิวอักเสบอยู่ลึกลงไปจะไม่สามารถใช้แผ่นแปะได้


แผ่นแปะสิว

5.4. การฉีด Mesotherapy

เป็นการฉีดวิตามินหรือสารสกัดต่างๆลงไปในชั้นผิวหนังเพื่อเข้าไปฟื้นฟู ซ่อมแซม บำรุง รวมถึงบางสารสกัดก็อาจมีฤทธิ์ในการรักษาสิวด้วย จึงเป็นการรักษาพร้อมกับบำรุงให้ผิวบริเวณที่เป็นสิวฟื้นตัวหลังการยุบของสิว


5.5. เครื่องมือเสริมความงาม

5.5.1 การเลเซอร์สิว

การใช้เลเซอร์รักษาสิวเป็นการรักษาที่ทำให้หายขาดได้แน่นอนแต่จะมีผลข้างเคียงกับผิวบริเวณที่ทำการเลเซอร์ เช่น ทำให้ผิวบาง แพ้แสง เกิดการระคายเคืองได้ง่าย เกิดฝ้า กระ จึงทำให้การทำเลเซอร์ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น


5.5.2 การใช้เครื่องสุญญากาศดูดสิว

เครื่องดูดสุญญากาศที่จะทำการดูดผิวขึ้นมาแล้วฉายแสงเข้มข้นสูง (ความยาวคลื่น 400-550 nm) ช่วยลดแบคทีเรียที่ก่อสิว และทำความสะอาดรูขุมขนนั้น ลดการอุดตัน

5.5.3 การใช้เครื่องฉายแสง LED

เครื่องฉายแสง LED (Light Emitting Diode) เป็นการใช้แสงที่มีความยาวคลื่นต่างๆฉายไปทั่วบริเวณที่มีสิวเพื่อการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ช่วยลดการอักเสบ รักษาหลุมสิว โดยความยาวคลื่นที่มักจะนำมาใช้ในการรักษาสิวคือ

- แสงสีฟ้า (Blue light) มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 380-480 nm มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes และช่วยลดการอักเสบของสิวได้


การใช้เครื่องฉายแสง

วิธีการรักษาสิว

ข้อดี

ข้อเสีย

เหมาะกับสิวชนิดใด

ประสิทธิภาพในการรักษา

(-/5)

คะแนนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

(-/5)

​1.ยาชนิดทา

- จำกัดพื้นที่การรักษาสิวได้

- ลดการเกิดผลข้างเคียงได้

- ฤทธิ์ของยาอาจได้ผลไม่ดีเท่าที่ควรเนื่องจากสภาพแวดล้อมภายนอกการดูดซึมของยา, การสัมผัสสิ่งต่างๆ

- ผิวแห้ง

- Whitehead comedone - Blackhead comedone - Papule - Pustule





2.ยาชนิดทาน

- สะดวกในการรักษา - ผลการรักษากระจายได้ทั่วถึงแทบทุกบริเวณ

-ถ้าเกิดผลข้างเคียงอาจเกิดเป็นวงกว้าง - ระยะยาวอาจมีปัญหาต่อตับ - ผิวแห้ง ปากแห้ง

- Whitehead comedone

- Blackhead comedone

- Papule

- Pustule

- Nodule

- Cyst acne




​3.ยาคุมกำเนิด

- ปริมาณการผลิตไขมันใต้ผิวหนังลดลง

- ลดการสะสมของสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย

- อาจทำให้น้ำหนักตัวขึ้น หน้าอกขยายใหญ่ขึ้น

- วิงเวียนศีรษะ

- ผิวไวต่อแสงแดด อาจะเกิดฝ้ากระได้ง่าย

- Whitehead comedone - Blackhead comedone - Papule - Pustule


4.แผ่นแปะสิว

- สะดวก - ไม่เจ็บ

- ระมัดระวังขณะเอาแผ่นแปะออกอาจเกิดการกระจายของแบคทีเรียที่มากับหนอง

- Whitehead comedone

- Blackhead comedone

- Papule




5.การฉีด Mesotherapy

​- ลดอาการอักเสบฟื้นฟู บำรุงผิว

​- รอยบวมเข็มจากการฉีด

- ผื่นแดง ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การอักเสบติดเชื้อ การแพ้ยาชา ผื่นแดงจากรอยเข็ม

- รอยช้ำหลังฉีด

​- Whitehead comedone - Blackhead comedone - Papule - Pustule




6.การเลเซอร์สิว

- ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย - ทำลายต่อมไขมันบางส่วน - ช่วยให้สิวยุบเร็ว - ป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้ดี

​- อาจเกิดสะเก็ดหลังการทำเลเซอร์

- อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อน บวมแดง ผิวบอบบาง แพ้ง่าย และไวต่อแสงแดด

- Whitehead comedone - Blackhead comedone - Papule - Pustule - Nodule - Cyst acne





​7.การใช้เครื่องสูญญากาศดูดสิว

- ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนได้ดี

​- ผิวที่ผ่านการดูด อาจมีการระคายเคือง อาจเกิดการแพ้ได้

- Whitehead comedone - Blackhead comedone - Papule





8.การใช้เครื่องฉายแสง LED

(แสงสีน้ำเงิน)

- ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นต้นเหตุในการเกิดสิวอักเสบ

- ควบคุมความมันบนใบหน้า

​- อาจเกิดอาการแสบร้อน ระคายเคือง หรือผิวลอก

- Whitehead comedone - Blackhead comedone - Papule - Pustule






Innohyal

INNO HYAL นวัตกรรมฟื้นฟูเสริมเกราะปกป้องผิว อุดมไปด้วยวิตามินผิวอย่าง Vitamin B3 ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดสิวอักเสบ ลดความมัน บนใบหน้า รูขุมขนกระชับ ผิวสุขภาพดี


Multi Vitamins เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการทำลายเซลล์ผิวจากมลภาวะ ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส

Hyaluronic acid ช่วยโอบอุ้มผิวไม่ให้สูญเสียน้ำ เติมเต็มร่องลึก ลดเลือนริ้วรอยเเห่งวัย

X-DNA เป็นสารสำคัญระดับ DNA จากอสุจิปลาแซวมอนช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่อย่างคอลลาเจน อิลาสติน ลดการอักเสบ ฟื้นฟูเนื้อเยื่อผิว

Placenta Essences กระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว บำรุงล้ำลึก เสริมกระบวนการสร้างเส้นใยคอลลาเจนแก่เซลล์ผิว

Amino Acid ช่วยสร้าง ซ่อมเเซม ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ถูกทำลายให้ปรับสภาพคืนตัวอย่างรวดเร็ว

Minerals ปรับกลไกภายในเซลล์เร่งกระบวนการฟื้นฟูพร้อมเสริมความเเข็งเเรงแก่เซลล์ผิว


สนใจสินค้าของ INNO HYAL สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

ได้ที่ 061-5325495 หรือ กดเเอด Line ด้านล่างได้เลยค่ะ



17 views0 comments
bottom of page