top of page

วิตามินซี (Vitamin C) ฮีโร่ใกล้ตัว ที่ไม่ควรมองข้ามในช่วงวิกฤตไวรัส

Updated: Dec 26, 2022


วิตามินซี (Vitamin C หรือ Ascorbic acid) เป็นวิตามินที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เพราะเราสร้างเองไม่ได้ จึงต้องได้รับเข้ามาจากการรับประทาน วิตามินซีพบมากในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ฝรั่ง กีวี่ มะขามป้อม ผักใบเขียว เช่น บล็อกคอลี กะหล่ำดอก พริกเขียว แต่พบได้น้อยในเนื้อสัตว์ นม ไข่ วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำ (water soluble vitamin) และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่สำคัญต่อร่างกาย มีส่วนช่วยในการสร้างเส้นใยคอลลาเจน กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยการหายของบาดแผล และช่วยในการสร้างสารชีวเคมีต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ฮอร์โมนต่อมหมวกไต แอลคาร์นิทีน และสารซีโรโทนินในสมอง เป็นต้น



1. ช่วยสร้าง Interferon ในร่างกายและเพิ่มการสร้างของ T-Lymphocyte ซึ่งเป็นเซลล์ตัวกลางในการเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของเรา เพื่อกำจัดเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อไวรัส

2. ช่วยเพิ่มการทำงานของของเม็ดเลือดขาว Phagocytes ที่เข้าไปช่วยฆ่าและทำลายเชื้อโรคอย่างแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น

3. ช่วยส่งเสริมการทำงาน ของ Nature Killer Cell ซึ่งเป็นเซลล์ในร่างกายผลิตออกมาเพื่อจู่โจมกับเซลล์เป้าหมายโดยตรงอย่าง Cancer Cell หรือ เซลล์มะเร็ง



วิตามินซี แบบรับประทาน สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ

1. แบบที่ได้รับจากผักผลไม้ หรือ อาหารที่เรารับประทานในแต่ละวัน ซึ่งผักผลไม้แต่ละชนิดให้ปรอมาณวิตามินซีที่ไม่เท่ากันเราควรปรับชนิดของผักผลไม้ที่กินในแต่ละวันให้เกิดความสมดุลและได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอ 2. วิตามินซีจากอาหารเสริม ที่แนะนำให้ทานแต่ละวันคือ 1,000 mg ต่อวัน สำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวพรรณ เสริมภูมิคุ้มกัน และ 2,000 mg สำหรับผู้เป็นภูมิแพ้และหวัด โดยการแบ่งรับประทานให้เกิดผลที่สุดคือ 4 ครั้งต่อวัน ครั้งละ 500 mg

โดยการรับประทาน Vitamin C ร่างกายเราจะสามารถดูดซึมได้ไม่เกิน 50%



วิตามินซี แบบฉีด ร่างกายรับสารเข้าทางเส้นเลือดโดยตรง ซึ่งร่างกายจะสามารถนำไปใช้ได้เลยทันทีถึง 90-100% ผลลัพท์เรื่องความสดชื่นจะเห็นผลภายใน 24 ชั่วโมง โดยวิตามินซีที่ได้รับแบบเข้าเส้นเลือด (Drip) จะสามารถซึมไปตามทุกเนื้อเยื่อไปตามกระแสเลือดทำให้ได้รับคุณค่าของ Vitamin C อย่างเต็มที่

9 views0 comments
bottom of page