ไขความลับสุดยอด......“กลูต้าไธโอน” ไม่อันตรายอย่างที่คิด
Updated: Dec 26, 2022
คนอยากขาวห้ามพลาด!!!
ด้วยค่านิยมของคนไทยที่คิดว่าการมีผิวขาวจะทำให้ตัวเองดูสวย ดูดี มีความมั่นใจมากขึ้น จึงสรรหาสิ่งต่างๆ เพื่อดูแลและบำรุงผิวพรรณกันอย่างแพร่หลาย “กลูตาไธโอน” เป็นหนึ่งในสารอาหารบำรุงผิวยอดฮิตที่บอกกันว่าหากใช้แล้วจะช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นได้ แต่ยังมีหลายเสียงเตือนว่าเป็นอันตราย อาจจะฟังดูน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วกลูตาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิดถ้าเราสามารถใช้ได้อย่างถูกวิธี และในปริมาณที่พอดี นอกจากนั้นกลูตายังมีประโยชน์อีกมากมายที่หลายๆคนยังไม่เคยรู้…วันนี้เรามาทำการรู้จักสารกลูตาไธโอนกันใหม่ และวิธีใช้อย่างปลอดภัยกันเลยดีกว่า
กลูตาไธโอน (Glutathione) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่ากลูตา (Gluta) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้ ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิดคือ ไกลซีน (Glycine) ซิสเทอีน (Cysteine) และกลูตามิก (Glutamic) โดยกลูตาถูกจัดให้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง พบได้ทั่วทุกเซลล์ร่างกาย โดยเฉพาะที่สมอง ตับ ไต ปอดและม้าม
จริงๆ แล้วเราสามารถเลือกกินอาหารจากธรรมชาติที่มีกลูต้าไธโอนได้โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองจนเกินไป โดยเลือกรับประทานอาหารดังต่อไปนี้
ผัก - อะโวคาโด, บร็อกโคลี่, ผักโขม, เห็ด,มะเขือเทศ, หน่อไม้ฝรั่ง
เนื้อสัตว์ - ปลาแซลมอน, เนื้อวัว, เนื้อหมู
ถั่ว – ถั่วลันเตา, ถั่วเหลือง
ผลไม้ - สตรอเบอร์รี่, ส้ม, เกรปฟรุ้ต, แอปเปิ้ล, องุ่น, แตงโม
ประโยชน์ต่อร่างกายของเรา
Antioxidant กลูตาไธโอนจะถูกเปลี่ยน เป็นเอนไซม์ glutathione peroxidase มีคุณสมบัติ เป็นสาร antioxidant ที่สำคัญของร่างกาย ทำงานร่วมกับ วิตามินซีและอี กลูต้าไธโอนยังช่วยป้องกันเซลล์ระบบประสาทไม่ให้เกิดภาวะเสื่อมมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันเนื้อเยื่อของเซลล์ในอวัยวะต่างๆ ไม่ให้ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระได้อีกด้วย
ดีท็อกซ์ กลูตาไธโอนมีคุณสมบัติที่สามารถกำจัดสารพิษที่เป็นอันตรายต่อตับ รวมไปถึงช่วยขับสารพิษที่เป็นโลหะหนัก หรือสารพิษไม่ละลายน้ำ ให้สามารถละลายน้ำได้ดีขึ้นและขับออกมาได้ง่ายขึ้น
เสริมระบบภูมิคุ้มกัน กลูตาไธโอนเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพและมีปริมาณมากขึ้น เพื่อคอยดักจับและต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดการเจ็บป่วย รวมไปถึงเซลล์มะเร็งด้วย
ดูแลผิว ปรับผิวกระจ่างใส มีการศึกษาและค้นคว้าอย่างจริงจังจนพบว่า กลูตาสามารถยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่สร้างเมลานินหรือเม็ดสีผิวชนิดเข้มลดลง ทำให้โทนสีผิวกระจ่างใสขึ้น
กลูต้าไธโอนแบบกิน
ที่พบจำหน่ายในท้องตลาดส่วนใหญ่นั้นอยู่ในรูปยาเม็ดหรือผงละลายน้ำสำหรับรับประทาน และมีการโฆษณาว่าช่วยให้ผิวขาวได้ ซึ่งความจริงแล้วการรับประทานกลูต้าไธโอนไม่สามารถที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้โดยตรง เห็นได้จากงานวิจัยหลายชิ้นที่พบว่า เมื่อให้กลุ่มตัวอย่างกินกลูต้าแบบอัดเม็ดไป แล้วเจาะเลือดตรวจ กลับไม่พบการเพิ่มขึ้นของระดับกลูต้าไธโอนในเลือด อาจเนื่องมาจากกลูต้าไธโอนมีขนาดโมเลกุลที่ใหญ่เกินกว่าที่จะถูกดูดซึมในกระเพาะอาหารได้ และยังสลายตัวได้ง่ายในทางเดินอาหารอีกด้วย การกินกลูต้าไธโอนจึงทำให้แทบจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยแม้ว่าจะกินในขนาดที่สูงมากก็ตาม ดังนั้น หากต้องการที่จะมีผิวพรรณที่ดีขึ้นโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายและผลข้างเคียงแล้ว ก็สามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายผลิตกลูตาไธโอนออกมา และจะต้องอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ
กลูต้าไธโอนแบบฉีด
โดยเฉพาะการฉีดเข้าหลอดเลือดดำนั้น คือ ความปลอดภัยจากการฉีดยา เนื่องจากผิวที่ขาวขึ้นจากกลูตาไธโอนนั้นเป็นผลข้างเคียงของยาที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น หากต้องการให้ผลคงอยู่ไปตลอดจำเป็นต้องได้รับการฉีดซ้ำเป็นระยะ ทำให้มีการสะสมยาในร่างกายมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาวได้ จึงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการให้ยา เช่น การฉีดยาในอัตราที่เร็วเกินไป การติดเชื้อในกระแสเลือดจากเครื่องมือที่ไม่สะอาด การเกิดฟองอากาศอุดตันหลอดเลือดเนื่องจากผู้ฉีดยาไล่ฟองอากาศในเข็มฉีดยาไม่หมด เป็นต้น ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อผู้ที่ได้รับยาจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
ดังนั้นถึงเราจะรู้ประโยชน์ของมันมากแค่ไหนแต่เรานำมาใช้ไม่ถูกวิธีหรือไม่ถูกปริมาณ ก็ส่งผลให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีได้นะคะ