Innovation BeautyDec 14, 20201 min readหยุดปล่อยผิวหน้า...แซงอายุUpdated: Dec 26, 2022HIFU & Thread liftเลือกกระชับผิวหน้ายังไง แบบไหนที่เหมาะกับเราทุกวันนี้การมีใบหน้าที่สวยใสไร้ริ้วรอยไม่ใช่เรื่องยาก แค่เพียงเดินสวยๆเข้าคลินิกความงาม ก็สามารถเสกผิวใสได้ไม่ยากแถมยังราคาไม่แพงอย่างที่คิดด้วย อย่าง ไฮฟู (Hifu) กับ ร้อยไหม (Thread lift) ก็เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมยอดฮิตที่ลูกค้านิยมกัน ถึงแม้จุดประสงค์ในการเสริมความงามคือ “ทำให้เกิดเป็นแผลใต้ผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเหมือนกัน” แต่ 2 วิธีการนี้ก็ยังมีความแตกต่างกัน เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน HIFU ย่อมาจาก High Intensity Focus Ultrasound การนำคลื่นอัลตร้าซาวด์ความถี่สูง ปล่อยลงใต้ชั้นผิว ที่สามารถลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ช่วยลดริ้วรอย ลดเหนียง และยกกระชับใบหน้า เต่งตึง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่าการทำ ไฮฟู (HIFU) ถือเป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุดในการยกกระชับผิว ทั้งบริเวณใบหน้า เหนียง คอ รวมไปถึงต้นแขน และต้นขา สามารถเห็นผลหลังทำทันทีตั้งแต่ครั้งแรก และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสาว ๆ ที่กลัวเข็มหรือกลัวการผ่าตัดการร้อยไหม คือ วิธีการยกกระชับผิวโดยใช้ไหมละลาย หรือที่อาจเคยได้ยินว่าไหม PDO ทำจากโพลีไดออกซาโนน (Polydioxanone) ซึ่งใช้ในการเย็บแผลผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ มักไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และได้รับการรับรองความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไหมตัวนี้จะค่อยๆสลายหายไปเอง ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาวัสดุของไหมละลายเพิ่มมากขึ้น เช่น PLLA PCL และทำในหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น เพื่อแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน รวมถึงช่วยให้ระยะเวลาอยู่ได้นานขึ้น เช่น-ไหมเส้นเรียบ หรือในบางคนเรียกว่า ไหมคอลลาเจน จะเป็นไหมเส้นเล็ก โดยหมอจะร้อยในชั้นคอลลาเจน เพื่อเน้นให้ผิวกระชับ แน่นมากกว่าการหย่อนคล้อย-ไหมก้างปลา หรือบางคนเรียกว่าไหมเงี่ยง คือไหมชนิดเดียวกัน พัฒนามาจากไหมคอลลาเจนเส้นเรียบ ให้มีเงี่ยงเกาะผิวได้มากขึ้นรวมถึงเส้นไหมที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ยกผิวหย่อนคล้อยและกระชับผิวได้มากขึ้น อยู่นานขึ้น โดยไหมเงี่ยงนี้จะร้อยลึกกว่าไหมคอลลาเจน โดยร้อยลงชั้นกล้ามเนื้อ-ไหมหล่อแบบ คือไหมที่มีการหล่อตัวไหมขึ้น ให้มีการยึดเกาะได้มากกว่า การสลายของเส้นไหมจะช้ากว่า ทำให้ยกกระชับผิวได้มากขึ้นมากกว่า ความแข็งแรงทนทานของไหมมากขึ้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยเยอะมาก หรือไม่อยากร้อยไหมจำนวนเยอะ รวมถึงอยู่ได้นานกว่าไหมเงี่ยงการทำ ไฮฟู (Hifu) กับ ร้อยไหม (Thread lift) ต่างกันอย่างไร การทำ Hifu จะเน้นในเรื่องของการ-ยกกระชับใบหน้า ให้เต่งตึง ปรับรูปหน้าให้เรียววีเชฟ -เจ็บน้อยกว่าการร้อยไหม-ไม่ทิ้งรอยแผล -ไม่ต้องพักฟื้น สามารถไปทำงานต่อได้ทันที -เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาผิวหน้ามากนัก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคือสาวๆที่อยู่ในช่วงวัย 25-45 ปี-ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณการยิง Shot และสภาวะปัญหาของผิวหน้าของแต่ละคน การร้อยไหม จะเน้นในเรื่องของ-กระบวนการลดความความหย่อนคล้อยของใบหน้า ให้หน้าดูเต่งตึง -เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมากกว่า หรือเริ่มเห็นริ้วรอยได้ชัดเจน-อยู่นานกว่าการทำ Hifu-ยกกระชับมากกว่า-อาจจะมีบวมช้ำ หรือมีรอยเขียวช้ำ บวม ได้เล็กน้อย-เหมาะสำหรับวัยกลางคน 35-60 ปี-ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานกว่าการทำ ไฮฟู (Hifu) โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน 1 ปี หรือ 2 ปี
HIFU & Thread liftเลือกกระชับผิวหน้ายังไง แบบไหนที่เหมาะกับเราทุกวันนี้การมีใบหน้าที่สวยใสไร้ริ้วรอยไม่ใช่เรื่องยาก แค่เพียงเดินสวยๆเข้าคลินิกความงาม ก็สามารถเสกผิวใสได้ไม่ยากแถมยังราคาไม่แพงอย่างที่คิดด้วย อย่าง ไฮฟู (Hifu) กับ ร้อยไหม (Thread lift) ก็เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมยอดฮิตที่ลูกค้านิยมกัน ถึงแม้จุดประสงค์ในการเสริมความงามคือ “ทำให้เกิดเป็นแผลใต้ผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเหมือนกัน” แต่ 2 วิธีการนี้ก็ยังมีความแตกต่างกัน เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน HIFU ย่อมาจาก High Intensity Focus Ultrasound การนำคลื่นอัลตร้าซาวด์ความถี่สูง ปล่อยลงใต้ชั้นผิว ที่สามารถลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ช่วยลดริ้วรอย ลดเหนียง และยกกระชับใบหน้า เต่งตึง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่าการทำ ไฮฟู (HIFU) ถือเป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุดในการยกกระชับผิว ทั้งบริเวณใบหน้า เหนียง คอ รวมไปถึงต้นแขน และต้นขา สามารถเห็นผลหลังทำทันทีตั้งแต่ครั้งแรก และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสาว ๆ ที่กลัวเข็มหรือกลัวการผ่าตัดการร้อยไหม คือ วิธีการยกกระชับผิวโดยใช้ไหมละลาย หรือที่อาจเคยได้ยินว่าไหม PDO ทำจากโพลีไดออกซาโนน (Polydioxanone) ซึ่งใช้ในการเย็บแผลผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ มักไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และได้รับการรับรองความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไหมตัวนี้จะค่อยๆสลายหายไปเอง ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาวัสดุของไหมละลายเพิ่มมากขึ้น เช่น PLLA PCL และทำในหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น เพื่อแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน รวมถึงช่วยให้ระยะเวลาอยู่ได้นานขึ้น เช่น-ไหมเส้นเรียบ หรือในบางคนเรียกว่า ไหมคอลลาเจน จะเป็นไหมเส้นเล็ก โดยหมอจะร้อยในชั้นคอลลาเจน เพื่อเน้นให้ผิวกระชับ แน่นมากกว่าการหย่อนคล้อย-ไหมก้างปลา หรือบางคนเรียกว่าไหมเงี่ยง คือไหมชนิดเดียวกัน พัฒนามาจากไหมคอลลาเจนเส้นเรียบ ให้มีเงี่ยงเกาะผิวได้มากขึ้นรวมถึงเส้นไหมที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ยกผิวหย่อนคล้อยและกระชับผิวได้มากขึ้น อยู่นานขึ้น โดยไหมเงี่ยงนี้จะร้อยลึกกว่าไหมคอลลาเจน โดยร้อยลงชั้นกล้ามเนื้อ-ไหมหล่อแบบ คือไหมที่มีการหล่อตัวไหมขึ้น ให้มีการยึดเกาะได้มากกว่า การสลายของเส้นไหมจะช้ากว่า ทำให้ยกกระชับผิวได้มากขึ้นมากกว่า ความแข็งแรงทนทานของไหมมากขึ้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยเยอะมาก หรือไม่อยากร้อยไหมจำนวนเยอะ รวมถึงอยู่ได้นานกว่าไหมเงี่ยงการทำ ไฮฟู (Hifu) กับ ร้อยไหม (Thread lift) ต่างกันอย่างไร การทำ Hifu จะเน้นในเรื่องของการ-ยกกระชับใบหน้า ให้เต่งตึง ปรับรูปหน้าให้เรียววีเชฟ -เจ็บน้อยกว่าการร้อยไหม-ไม่ทิ้งรอยแผล -ไม่ต้องพักฟื้น สามารถไปทำงานต่อได้ทันที -เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาผิวหน้ามากนัก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคือสาวๆที่อยู่ในช่วงวัย 25-45 ปี-ผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณการยิง Shot และสภาวะปัญหาของผิวหน้าของแต่ละคน การร้อยไหม จะเน้นในเรื่องของ-กระบวนการลดความความหย่อนคล้อยของใบหน้า ให้หน้าดูเต่งตึง -เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมากกว่า หรือเริ่มเห็นริ้วรอยได้ชัดเจน-อยู่นานกว่าการทำ Hifu-ยกกระชับมากกว่า-อาจจะมีบวมช้ำ หรือมีรอยเขียวช้ำ บวม ได้เล็กน้อย-เหมาะสำหรับวัยกลางคน 35-60 ปี-ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานกว่าการทำ ไฮฟู (Hifu) โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน 1 ปี หรือ 2 ปี