ร้อยไหม VS ไหมน้ำ แตกต่างกันอย่างไร ?
Updated: Sep 14

ปัจจุบันนอกจากจะมีการร้อยไหมลงไปในชั้นผิวหนังแล้ว ยังมีหัตถการฉีดไหมน้ำอีกด้วย ซึ่งวิธีการและผลลัพธ์นั้นแตกต่างกัน เนื่องจากการร้อยไหมจะช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ให้ดูเต่งตึงพร้อมเสริมคอลลาเจนให้กับผิว ส่วนไหมน้ำจะช่วยในเรื่องการเติมเต็ม ฟื้นฟูผิว ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
ดังนั้นถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังไม่ทราบว่าข้อดี-ข้อเสียของแต่ละหัตถการเป็นอย่างไร? ทำแล้วจะเจ็บไหม? ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอย่างไร? เราจะพาคุณมาหาคำตอบผ่านบทความด้านล่างนี้กันเลย
เลือกหัวข้อที่สนใจอ่านตามด้านล่าง
> ความแตกต่างระหว่างร้อยไหมกับไหมน้ำ
> ร้อยไหมเจ็บไหม VS ไหมน้ำเจ็บไหม
> ผลลัพธ์ร้อยไหม VS ผลลัพธ์ไหมน้ำ
> ข้อดี-ข้อเสีย ร้อยไหม VS ไหมน้ำ
ความแตกต่างระหว่างร้อยไหมกับไหมน้ำ
ร้อยไหมกับไหมน้ำเป็นหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าได้ดีเหมือนกัน แต่วิธีการทำงานนั้นไม่เหมือนกันเลยค่ะ โดยทั้งสองมีวิธีทำงานที่แตกต่างกัน ดังนี้

ร้อยไหม คือ
การใช้เส้นไหมที่ผลิตจากวัสดุที่สามารถละลายได้ในร่างกายและขับออกเองได้ มาใช้ในการยกกระชับผิว จากเงี่ยงของเส้นไหมที่เข้าไปยึดเกาะกับชั้นผิวแล้วดึงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพ เช่น ริ้วรอยหรือร่องลึกจากความหย่อนคล้อยสู่การยกกระชับให้เรียบตึง พร้อมกับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังอีกด้วย

ไหมน้ำ คือ
การนำวัสดุชนิดเดียวกับการผลิตเส้นไหมมาผ่านกระบวนการ Nano technology ให้เกิดเป็นละอองผงที่สามารถละลายน้ำได้ แล้วนำไปฉีดได้ทั่วบริเวณของใบหน้า ซึ่งจะช่วยเติมเต็มใบหน้ากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยังช่วยลดเลือนริ้วรอย
ร้อยไหมเจ็บไหม VS ไหมน้ำเจ็บไหม

ระดับความเจ็บร้อยไหม (ระหว่างทำ)
ระดับความเจ็บในระหว่างการร้อยไหมนั้นจะไม่รู้สึกเจ็บ จะเจ็บแค่ตอนฉีดยาชาเท่านั้น และหลังร้อยไหมเห็นผลชัดเจนทันที
ระดับความเจ็บไหมน้ำ (ระหว่างทำ)
ระดับความเจ็บในระหว่างทำหัตถการไหมน้ำจะไม่รู้สึกเจ็บ ไม่บวม และต้องใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป จึงจะเริ่มเห็นผล
ระดับความเจ็บร้อยไหม (ช่วงพักฟื้น)
หลังจากร้อยไหมเสร็จแล้ว เมื่อยาชาหมดฤทธิ์ อาจรู้สึกปวดระบมบริเวณที่ร้อยไหม และมีอาการบวมแดง ในช่วงนี้ให้รับประทานยาแก้ปวด paracetamol เพื่อบรรเทาอาการ หลังจากนั้น 2-3 วัน อาการปวดจะเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ
ระดับความเจ็บไหมน้ำ (ช่วงพักฟื้น)
หลังจากทำหัตถการไหมน้ำเสร็จแล้ว จะไม่รู้สึกเจ็บ แต่ต้องงดทาครีมบริเวณรอยเข็ม 24 ชั่วโมง และไม่ควรนวดหรือกดผิวบริเวณที่ฉีด
ผลลัพธ์ร้อยไหม VS ผลลัพธ์ไหมน้ำ

ผลลัพธ์ ร้อยไหม
ผลลัพธ์ของการร้อยไหม จะเห็นได้ชัดเจนทันทีในเรื่องของการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ปรับเปลี่ยนรูปหน้าให้เรียว ลดเลือนริ้วรอย เสริมความเต่งตึงให้กับผิว
ผลลัพธ์ ไหมน้ำ
ผลลัพธ์ของไหมน้ำจะเป็นในส่วนของการเติมเต็มเพิ่ม Volume ใบหน้า ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ฟื้นฟูผิว ให้ผิวดูอิ่มฟู แลดูอ่อนเยาว์
ข้อดี-ข้อเสีย ร้อยไหม VS ไหมน้ำ
ข้อดี-ข้อเสีย ร้อยไหม
ข้อดี
1.) เงี่ยงของเส้นไหมยกผิวหน้าได้ดีและเห็นการเปลี่ยนแปลงรูปหน้าชัดเจน
2.) ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังทำ
3.) เห็นผลชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
4.) เส้นไหมละลายโดยที่ไม่เหลือสารตกค้างในร่างกาย
ข้อเสีย
1.) อาจจะมีอาการบวม ฟกช้ำช่วงประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังทำ
2.) อาจทำให้เกิดพังผืดได้ถ้าร้อยไม่ถูกวิธี
3.) เลือดอาจไหลออกมามากและเสี่ยงการติดเชื้อได้มากกว่า
ข้อดี-ข้อเสีย ไหมน้ำ
ข้อดี
1.) ไม่เกิดรอยแผลหรืออาการบาดเจ็บเป็นวงกว้าง
2.) ลดการเสี่ยงติดเชื้อ
3.) ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำหัตถการ
4.) ระยะเวลาในการทำหัตถการน้อยกว่า
5.)สามารถกระจายตัวไปทั่วใบหน้าได้ดี กระตุ้นได้ทั่วถึงมากกว่า
ข้อเสีย
1.) ผลการยกผิวหน้าไม่ได้เยอะเท่าการร้อยไหม
2.) ราคาแพง
3.) หลังฉีดอาจมีอาการบวมในบางเคส
4.) ใช้ระยะเวลาในการเห็นผลช้า ประมาณ 2-4 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นผล
5.)หากฉีดผิดจุด หรือแพทย์ไม่มีความชำนาญ มีโอกาสทำให้หลอดเลือดอุดตัน กล้ามเนื้อตายได้