👸...ปักเข็มสวย....ตำเเหน่งไหนดี ❓
Updated: Dec 26, 2022
💉หิวเข็ม...คำพูดติดปาก 👩✨
ของหลายๆคนที่เสพติดการเข้าคลินิก
แต่รู้หรือไม่ การฉีดนั้นมีหลายวิธี
และ มีเทคนิคที่แตกต่างกัน ❓
จะมีวิธีไหนบ้าง และแต่ละจุดต่างกันอย่างไร
ไปหาคำตอบกับ ✨อินโนเวชั่นบิวตี้✨ กันค่ะ

เมื่อพูดถึงการฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เราควรรู้อะไรบ้าง อย่างแรกเลยก็คือประเภทของยา ตำแหน่งการฉีด หรือ ระดับชั้นผิวใด ซึ่งการฉีดก็จะมีเทคนิคที่หลากหลายแตกต่างกันแต่จะมีวิธีการฉีด หรือข้อดีและข้อเสียอย่างไรเรามาทำความเข้าใจไปพร้อมกันค่ะ

เทคนิคที่ 1 Intra Epidermis Technique
ชั้น: Intra Epidermis
วิธีการ: แทงเข็มทำมุมประมาณ 5-15 องศากับผิวหนัง ความลึกน้อยกว่า 1 มิลลิเมตร
นิยมใช้ฉีด: เมโสหน้าใสแบบสะกิด
ข้อดี: ให้วิตามินซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เร็ว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิว
ข้อเสีย: ทำให้เกิดรอยแดงบนใบหน้า หากไม่ฉีดโดยแพทย์อาจเกิดการอักเสบและติดเชื้อได้

เทคนิคที่ 2 Papule Technique
ชั้น: Superficial Intra Dermis
วิธีการ: แทงเข็มทำมุมประมาณ 10-15 องศากับผิวหนัง ความลึก 1-2 มิลลิเมตร
นิยมใช้ฉีด: เมโสหน้าใส, ทดสอบโรคภูมิแพ้(Allergic disease), ยาต้านพิษบาดทะยัก,
การทดสอบภูมิต้านทานวัณโรค เป็นต้น
ข้อดี: ผลของเมโสหรือวิตามินอยู่ในชั้นผิวได้นานกว่าแบบสะกิดและซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เร็ว
สามารถ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิว
ข้อเสีย: อาจเกิดการอักเสบและติดเชื้อขึ้นหากไม่ฉีดโดยแพทย์

เทคนิคที่ 3 Nappage Technique
ชั้น: Deep Dermis
วิธีการ: ความลึก 2-4 มิลลิเมตร
นิยมใช้ฉีด: เมโสหน้าใส, ฟิลเลอร์ชนิดเนื้ออ่อน, ทดสอบโรคภูมิแพ้ (Allergic disease),
ยาต้านพิษบาดทะยัก, การทดสอบภูมิต้านทานวัณโรค เป็นต้น
ข้อดี: ผลของวิตามินเมโส หรือฟิลเลอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและอยู่ในชั้นผิวได้นาน ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เร็ว หลังการฉีดไม่เป็นก้อนใต้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิว
ข้อเสีย: หากไม่ฉีดโดยแพทย์อาจเกิดการอักเสบและติดเชื้อขึ้นได้

เทคนิคที่ 4 Subcutaneous Techniaue ( Deep Intra Dermal Technique )
ชั้น: Deep Dermis
วิธีการ: แทงเข็มทำมุมประมาณ 45 องศากับผิวหนัง ความลึก 2-4 มิลลิเมตร
นิยมใช้ฉีด: เมโสแฟต, ให้อินซูลินสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน, วัคซีนป้องกันคางทูม-อีสุกอีใส,
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก เป็นต้น
ข้อดี: ยาดูดซึมและออกฤทธิ์ในชั้นไขมันได้โดยตรง
ข้อเสีย: เสี่ยงที่ปลายเข็มจะไปโดนหลอดเลือด หากไม่ฉีดโดยแพทย์อาจเกิดการอักเสบ
และติดเชื้อขึ้นได้

เทคนิคที่ 5 Intravenous Technique (IV)
ชั้น: Intravenous
วิธีการ: ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำโดยตรงเเล้วแทงเข็มทำมุมประมาณ 25 องศา โดยหงายปลายตัดเข็มขึ้น เมื่อเลือดเข้ามาในกระบอกฉีดยาให้ลดมุมการแทงเล็กลง ให้เข็มขนานกับผิวหนัง ดันเข็มเข้าไปในหลอดเลือดดำประมาณ 2/3 ของความยาวเข็ม ถ้ายังมีเลือดไหลเข้ามาในกระบอกฉีดยา แสดงว่าเข็มยังอยู่ในหลอดเลือดดำ
นิยมใช้ฉีด: วิตามินบำรุงผิว, กลุ่มยาฆ่าเชื้อ, กลุ่มยาแก้ปวดฤทธิ์รุนแรง, ยาเคมีบำบัด เป็นต้น
ข้อดี: เพื่อให้ยาดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้โดยตรง และออกฤทธิ์ได้ทันที
ข้อเสีย: ห้ามให้ยาทางหลอดเลือดดำร่วมกับการให้เลือด ผลิตภัณฑ์ของเลือด สารอาหารที่ให้ทางหลอดเลือดเด็ดขาดเพราะอาจเกิดการอักเสบและติดเชื้อได้

เทคนิคที่ 6 Intramuscular Technique (IM)
ชั้น: Intramuscular
วิธีการ: แทงเข็มทำมุมประมาณ 90 องศากับผิวหนัง ความลึก 0.5-1 เซนติเมตร
นิยมใช้ฉีด: วัคซีน, โบท็อก, กลุ่มยาฆ่าเชื้อ, กลุ่มยาแก้ปวด, วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่, วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกเป็นต้น
ข้อดี: การฉีดยาเข้าชั้นกล้ามเนื้อ ยาจะถูกดูดซึมเร็วกว่าการฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง เนื่องจากชั้นกล้ามเนื้อมีหลอดเลือดหล่อเลี้ยงมากกว่าชั้นใต้ผิวหนัง
ข้อเสีย: เนื่องจากชั้นกล้ามเนื้อมีหลอดเลือดหล่อเลี้ยงมากกว่าชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้มีความเสี่ยงที่ปลายเข็มจะไปโดนหลอดเลือด