top of page

เมโสแฟต

Updated: Feb 6


เมโสแฟต

สารบัญ

 

วิธีการกำจัดไขมันส่วนเกินวิธีหนึ่งโดยแพทย์จะใช้เข็มฉีดยา ฉีดส่งยาซึ่งมีสรรพคุณสลายไขมันลงสู่ชั้นไขมันหรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า“การฉีดเมโสแฟต” โดยการฉีดเมโสแฟตจะใช้กลุ่มยาหลาย ๆ ตัว เช่น Phosphatidylcholine, Deoxycholate, L-carnitine, Vitamin B complex, Amino acids, Minerals ฯลฯ ซึ่งเทคนิคการฉีดเมโสแฟต (Meso fat) มาจากการรักษาด้วยวิธีการทำเมโสเธอราพี (Mesotherapy) นั่นเอง

ภาพแสดงการฉีดเมโสแฟตลงบนชั้นผิวหนัง
 

เมโสแฟตอันตรายไหม ?

การฉีดเมโสแฟต จะอันตรายหรือไม่อันตรายนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น ความสะอาดของเครื่องมือแพทย์ที่ใช้ในการทำหัตถการ ต้องมีการสเตอไรด์เพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนทุกครั้งที่ใช้งาน เทคนิคความชำนาญของหมอผู้ให้หัตการ เช่น การปล่อยยาเมโสแฟตให้ถูกชั้นที่มีไขมันสะสมอยู่ กลุ่มสารประกอบของเมโสแฟตที่ใช้ในการรักษาเช่นกัน ต้องมีมาตรฐานและไม่เป็นสารประกอบที่องค์การอาหารและยาเตือนว่าไม่ควรใช้ เช่น สารสเตียรอยด์

 

ยาเมโสแฟต แบ่งออกได้กี่ประเภท ?

ยาเมโสแฟต หรือ เรียกง่ายๆว่าเมโสแฟต แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. กลุ่มที่ใช้สารอันตราย

2. กลุ่มที่ไม่ใช้สารอันตราย

กลุ่มที่ใช้สารอันตราย คืออะไร?

คือ กลุ่มที่เมโสแฟตที่มีสารประกอบบางอย่างเป็นสารอันตรายต่อร่างกาย เช่น

สารสเตียรอยด์ หรือ ยาสลายฟิลเลอร์ เมื่อใช้เมโสแฟตที่มีสารประกอบเหล่านี้ไปแล้ว อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้เมโสแฟตตัวนั้นๆได้ ประกอบไปด้วย

สารสเตียรอยด์ ( Steroid ) ซึ่งเป็นยาที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ใช้สำหรับรักษาโรคที่มีการอักเสบภายในร่างกาย แต่ยาชนิดนี้จะมีฤทธิ์ข้างเคียงทำให้ไขมันฝ่อและสลายตัวไปได้ จึงมีการนำสารสเตียรอยด์นี้มาฉีดเข้าสู่ร่างกายเพื่อสลายไขมันเฉพาะส่วนซึ่งถือว่าเป็น การใช้ยาที่ผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากการฉีดสารสเตียรอยด์เพื่อสลายไขมัน ต้องฉีดยาเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากทำให้คนไข้อาจเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดได้เช่น เกิดผิวหนังบุ๋ม เกิดการติดเชื้อ หรือมีการบวมน้ำตามร่างกายได้

สารสเตียรอยด์

ยาสลายฟิลเลอร์ ( Hyaluronidase ) ซึ่งนำมาใช้ผิดวิธี โดยการฉีดในปริมาณมาก เข้าไปในผิวตัวยานี้จะสลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวออกไปด้วยส่งผลทำให้เนื้อยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว แก้มหาย หน้าดูเล็กลงดังนั้นหลายเคสที่เคยฉีดจึงคิดว่าได้ผลและราคาถูกกว่า แต่ในระยะยาวจะทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยผิวหย่อนคล้อยเนื่องจากคอลลาเจนเสื่อมลง

ยาสลายฟิลเลอร์

กลุ่มที่ไม่ใช้สารอันตราย คืออะไร ?

คือ เมโสแฟตกลุ่มที่ไม่ได้ใช้สารที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงไม่ดีต่อร่างกาย ดังเช่น สาร

สเตียรอยด์ หรือ ยาสลายฟิลเลอร์ เมโสแฟตกลุ่มเหล่านี้จะถูกเรียกอีกอย่างว่า ยาแท้ หรือของแท้ ซึ่งจะมีการรับรองจาก อย. ในเรื่องความปลอดภัยของสารสกัดที่ถูกนำมาใช้ ประกอบไปด้วย

ภาพกลุ่มที่ไม่ใช้สารอันตราย

กลุ่มที่ทำลายเซลล์ไขมันแบบรุนแรง ( Necrosis )

สาร Deoxycholate จะเข้าไปทำลายผนังเซลล์ของเซลล์ไขมัน ทำให้ไขมันถูกทำลายและขับออกทาง ปัสสาวะ อุจจาระ และเหงื่อ ซึ่งเมโสแฟตในกลุ่มนี้สำหรับบางคนหลังฉีดอาจจะเกิดอาการปวด บวม แดงได้

ภาพการทำลายเซลล์ไขมันแบบรุนแรง

กลุ่มที่ทำลายเซลล์ไขมันแบบนุ่มนวล ( Apoptosis )

จากสารเช่น Stem Bromelain , Quercetin, resveratrol โดยการทำงานจะเข้าไปทำให้ เกิดการตายของเซลล์ไขมัน เป็นการตายที่เซลล์ไขมันเป็นผู้กำหนดเอง ยาจะสั่งการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไขมันทำให้เซลล์แตกย่อยเป็นชิ้นเล็กๆ เมโสแฟตกลุ่มนี้ ไม่ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง

ภาพการทำลายเซลล์ไขมันแบบนุ่มนวล

กลุ่มที่เร่งการเผาผลาญไขมัน

ทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญนำพลังงานออกมาใช้มากขึ้นสารหลักๆในเมโสแฟต กลุ่มนี้ได้แก่ สารคาเฟอีน ซึ่งมีผลข้างเคียงคือมีอาการใจสั่นหรือหัวใจเต้นเร็วเมโสแฟต อีกหนึ่งกลุ่ม ที่ไม่ใช้สารคาเฟอีน จะใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ที่ไม่มีส่วนผสมของ Deoxycholate และในบางตัวมีสารสกัดที่เป็นชนิดเดียวกันกับร่างกาย ข้อดีคือไปช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันของร่างกาย จึงทำให้ในระยะยาวไม่เกิดภาวะการดื้อยา ผิวหนังไม่ย้วย ไม่เป็นคลื่น และเมโสแฟตบางชนิดยังมีตัวช่วยให้ผิวกระชับ ช่วยยับยั้งการกลับมาของไขมันที่มาสะสมทำให้ไขมันกลับมาได้ช้าลงได้

ภาพเร่งการเผาผลาญไขมัน
ภาพเปรียบเทียบก่อน-หลัง

 

เมโสแฟตกี่วันเห็นผล ?

หลังจากฉีดเมโสแฟตสลายไขมันไปแล้ว ครั้งแรกไขมันจะเริ่มสลายตัวประมาณ 10-15% และเริ่มเห็นผลว่ายุบลงใน 3-5 วัน เห็นผลเต็มที่ 1-2 สัปดาห์ แต่หลังฉีดเมโสแฟตกี่วันเห็นผลนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละบุลคล และปริมาณยาเมโสแฟตที่ทำการฉีด ร่วมกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน หากฉีดแล้วยังไม่ควบคุมพฤติกรรมการทานอาหาร การฉีดเมโสแฟตก็อาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงเท่าที่ควร

ภาพระยะเวลาการเห็นผล
 

ข้อควรปฏิบัติ ก่อนการรักษาด้วยเมโสแฟต

  • ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด กลุ่ม NSAIDS ได้แก่ ibuprofen naproxen 1 สัปดาห์ก่อนการรักษาด้วยเมโสแฟต เพื่อลดการเกิดรอยฟกช้ำ

  • ควรหยุดการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Vitamin C Vitamin E น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย 1 สัปดาห์ก่อนการรักษา

  • ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา

 

บริเวณที่รักษาด้วยเมโสแฟต ในร่างกาย

  • เมโสแฟตแก้มห้อย หรือการฉีดเมโสแฟตลดแก้ม เป็นจุดที่ได้รับความนิยมที่สุดสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย

  • เมโสแฟตเหนียง ฉีดลดไขมันที่สะสมบริเวณใต้คาง บริเวณคางสองชั้น หากกำจัดไขมันบริเวณนี้ได้ ทำให้ใบหน้าของเราเรียวสวย แม้กระทั้งมุมก้ม

  • เมโสแฟตโหนกแก้ม สามารถฉีดบริเวณโหนกแก้มได้ ถ้าคนนั้นๆมีใบหน้าที่ใหญ่และมีแฟตบริเวณแก้มด้านบน

  • เมโสแฟตหน้าท้อง ช่วยลดไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง

  • เมโสแฟตต้นแขน ลดไขมันสะสมบริเวณแขน แก้ปัญหาแขนใหญ่

  • เมโสแฟตต้นขา สลายไขมันสะสมบริเวณต้นขา แก้ปัญหาขาใหญ่

  • เมโสแฟตน่อง ช่วยให้ขาเรียวสวย

ภาพปริมาณแนะนำแต่ละบริเวณ
 

วิธีดูแลตัวเองหลังการรักษาด้วยเมโสแฟต

  • หลังการรักษาด้วยเมโสแฟตห้ามขัดหน้ารุนแรงหรือทำทรีทเม้นต์ ภายใน 4 ชม.

  • ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 3 วัน หลังจากรักษาด้วยเมโสแฟต

  • ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนทุกชนิด เช่น การเลเซอร์ ซาวน่า อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังจากรักษาด้วยเมโสแฟต

  • ควรดื่มน้ำต่อวันอย่างน้อย 2 ลิตร หรือ 8-10 แก้วหลังจากรักษาด้วยเมโสแฟต

  • หลังการรักษาด้วยเมโสแฟตควรออกกำลังกายเบาๆควบคู่เพื่อผลที่ชัดเจน

  • ควรควบคุมอาหาร และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารเพื่อประสิทธิภาพการรักษาที่ดีขึ้น

  • หลังการรักษาด้วยเมโสแฟตไม่ควรทานอาหารหมักดอง เนื่องจากในอาหารหมักดอง อาจมีสารที่กระตุ้นกระบวนการอักเสบผสมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นตัวการของอาการบวม

 

ข้อควรระวังของการฉีดเมโสแฟต

  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องให้อินซูลินอยู่เป็นประจำ

  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหรือระบบไหลเวียนของโลหิต เช่น เส้นเลือดในสมองตีบ เส้นเลือดในสมองอุดตัน มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด

  • ผู้ป่วยโรคมะเร็งหรือโรคที่จำเป็นต้องใช้ยารักษาจำนวนมาก

  • สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร

  • ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี

*เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาแพทย์และเปิดเผยข้อมูลสุขภาพให้แพทย์ได้ทราบก่อนฉีดเมโสแฟต

bottom of page